ดึง”หน้ากากอนามัย-เจลล้างมือ”เป็นสินค้าควบคุม เล็งจำกัดการซื้อ-ส่งออก-หิ้วขึ้นเครื่อง (ชมคลิป)

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ว่า ที่ประชุมกกร.เห็นชอบกำหนดให้หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เป็นสินค้าควบคุม และนำเสนอของความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เพื่อประกาศใช้มาตรการในการควบคุมดูแลไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนและขายเกินราคา ซึ่งจะทำให้บัญชีสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์เพิ่มจากเดิม 52 รายการ เป็น 54 รายการ

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า เมื่อครม.เห็นชอบ กรมการค้าภายในจะออกประกาศมาตรการที่จะใช้ควบคุมปริมาณและราคา และกำหนดให้ส่งออกต้องได้รับอนุญาตการเคลื่อนย้ายหรือไม่เกินปริมาณที่กำหนดก่อนส่งออก คาดว่าจะออกประกาศได้ทันทีภายในวันที่ 4 กุมภาพันธ์เพื่อมีผลบังคับใช้ทันที ทั้งนี้ มาตรการที่จะนำมาใช้เบื้องต้น คือ กำหนดให้ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้นำเข้าหรือส่งออก แจ้งต้นทุนราคาซื้อหรือขาย ปริมาณผลิต/นำเข้า/ส่งออก รวมถึงสต๊อกสินค้า กำหนดให้ผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายกระจายสินค้าให้ทั่วประเทศ เร่งส่งในพื้นที่ขาดแคลน ปิดป้ายแสดงราคาขายปลีก และขายตรงราคาป้าย เป็นต้น ซึ่งผู้ฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตามประกาศมีโทษจำคุก 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนฝ่าฝืนไม่แจ้งราคาซื้อหรือขายมีโทษจุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับครั้งละ 2 พันบาทจนกว่าจะปฎิบัติตามคำสั่ง ส่วนการขายเกินราคากำหนดมีโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“สำหรับการควบคุมการส่งออกนั้น เบื้องต้นจะออกมาตรการผู้ต้องการส่งออกเกิน 500 ชิ้น(ประมาณ10กล่อง)ต้องมายื่นขออนุญาตจากกรมการค้าภายในพิจารณาก่อน รวมถึงผู้ซื้อทั่วไปจะกำหนดจำนวนซื้อต่อราย เพื่อป้องกันการหิ้วออกนอกประเทศในจำนวนมากเกินจำเป็น โดยจะประสานให้กรมศุลกากรตรวจสอบในเรื่องนี้ ซึ่งทางกรมการค้าภายในอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะจำกัดจำนวนซื้อต่อครั้งไม่เกินเท่าไหร่ เช่น อาจไม่เกิน 10 ชิ้นเพื่อให้เพียงพอกับการใช้ระยะสั้นๆ ลดการกว้านซื้อเกินความจำเป็น แต่ในส่วนของเจลล้างมือไม่ได้จำกัดเรื่องการส่งออก” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า มาตรการทั้งหมดตามมติกกร.ทั้งดูแลในประเทศและส่งออก จะเป็นมาตรการระยะสั้น เมื่อเหตุการณ์ความต้องการลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ ก็จะผ่อนคลายมาตรการต่อไป โดยขณะนี้ประเมินว่าจำนวนความต้องการใช้เพิ่มจากปกติเดือนละ 30 ล้านชิ้น เป็น 40-50 ล้านชิ้น ผลจากการตื่นวิตกเรื่องการแพร่กระจายของโรคโคโรนาและการซื้อใช้เกินปกติ ทำให้เกิดการขาดแคลนในบางพื้นที่ และบางพื้นที่จำหน่ายราคาสูงเกินจริง

Advertisement

นายจุรินทร์ กล่าวว่า นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ความวิตกต่อโรคโคโรนา และติดตามการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อดูแลสินค้าให้เพียงพอและจำหน่ายราคาเป็นธรรม พร้อมมอบปลัดกระทรวงพาณิชย์ ไปติดตามสถานการณ์ส่งออกว่ามีผลกระทบอย่างไรบ้าง และรวบรวมข้อมูลจากทูตพาณิชย์ทั่วโลก เพื่อนำมาประเมินสถานการณ์และรับมือในด้านส่งออกต่อไป เบื้องต้นไม่อาจระบุได้ว่าจะได้มีผลเสียหรือมีโอกาสดีต่อการส่งออกแค่ไหน โดยจะสรุปได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมได้เตรียมออกร่างประกาศมาตรการสินค้าควบคุมทั้ง 2 รายการแล้ว เพื่อใช้ประกาศได้ทันทีหลังจากครม.เห็นชอบ และได้มีการเรียกประชุมผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือที่มีส่วนผสมจากแอลกอฮอล์แล้ว เพื่อชี้แจงการออกมาตรการและกำชับให้เกิดความร่วมมือตามมติกกร. เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

“ กรมได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีร้านค้า 1 รายในสำเพ็งขายหน้ากากอนามัยแพงเกินจริง จากเดิมซื้อ 40-50 บาทต่อชิ้น(หน้ากากN95) เป็น 80 บาท จึงได้เข้าจับกุมและส่งดำเนินคดีฟ้องร้องแล้วเป็นรายแรก พร้อมกันนี้กำลังตรวจสอบการจำหน่ายหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือขายแพงเกินจริงในออนไลน์ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายกกร. เหมือนกัน “นายวิชัย กล่าว

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image