หนี้ครัวเรือนไทยยังน่ากังวล ธปท.-บสส.ต้อนเข้าคลินิกระยะที่3 ออมสินชูรีไฟแนนซ์กลุ่มดีลดดอกเบี้ย
นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธปท. เปิดเผยว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือนของประเทศที่อยู่ในระดับน่ากังวลใจ และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มไม่สดใสนัก การแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของแบงก์ชาติในปี 2563 โดยกลางปี 2560 สถาบันการเงินสมาชิก บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) และ ธปท. ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้หนี้ส่วนบุคคลผ่านโครงการคลินิกแก้หนี้ ซึ่งในเดือนธันวาคม 2562 สามารถช่วยประชาชนแก้หนี้บัตรไปแล้ว 3,194 ราย ขณะที่ปัจจุบันโครงการฯ เดินหน้าเข้าสู่ระยะที่ 3 ได้ขยายขอบเขตให้แก้ไขหนี้บัตรที่มีเจ้าหนี้รายเดียว และหนี้บัตรที่อยู่ในกระบวนการของศาลและมีคำพิพากษาแล้ว รวมทั้งปรับปรุงคุณสมบัติผู้เข้าโครงการจากเดิมต้องมีหนี้บัตรที่เป็นลูกหนี้เสียที่เป็นหนี้เสีย หรือ เอ็นพีแอล เดิมคือก่อน 1 มกราคม 2562 มาเป็น 1 มกราคม 2563 ซึ่งเริ่มมีผลแล้วเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นางธัญญนิตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บสส.ได้ทำหน้าที่เป็นคนกลางที่ช่วยเจรจาและประสานงานระหว่างเจ้าหนี้-ลูกหนี้ ทำให้การแก้ปัญหาหนี้บัตรที่อาจมีเจ้าหนี้หลายรายเกิดขึ้นได้ ซึ่งปกติเวลามีเจ้าหนี้หลายราย ส่งผลให้การเจรจาสำเร็จยาก โครงการจะช่วยให้รวมหนี้ให้เบ็ดเสร็จ รวมถึงลูกหนี้จะได้รับข้อเสนอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ผ่อนปรนเป็นพิเศษ คือ ผ่อนเฉพาะเงินต้น โดยมีระยะเวลาผ่อนนานถึง 10 ปี โดยปกติจะถูกเรียกคืนในระยะเวลาสั้นๆ อาทิ 6 เดือน ซึ่งการไม่เร่งรัดส่งผลให้ยอดที่ต้องผ่อนต่อเดือนจะไม่สูง
นายโชคชัย คุณาวัฒน์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารออมสินเล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือลูกหนี้ และถือเป็นเรื่องสำคัญของธนาคารที่จะเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้เพื่อช่วยประชาชนแก้ไขปัญหาหนี้เสียบัตร นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เริ่มโครงการ รีไฟแนนซ์ หนี้บัตรดี เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ประชาชนที่มีวินัยและมีประวัติการผ่อนชำระดีเยี่ยม ที่เดิมต้องจ่ายดอกเบี้ยสูง 18% หรือ 28% แต่โครงการนี้จะคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 8.50-10.50% ตามความเสี่ยง โดยคาดว่าจะเปิดโครงการดังกล่าวให้ลงชื่อได้ในเดือนมีนาคม-เดือนมิถุนายน 2563
นายนิยต มาศะวิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการฯในระยะที่ 3 จะมีการปรับกระบวนการทำงานให้รวดเร็วขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีและช่องทางการสื่อสารที่ทันสมัยมาใช้อำนวยความสะดวกและช่วยตอบโจทย์ลูกค้าให้ดีขึ้น
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
