รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ พร้อมรับคนไทยจาก อู่ฮั่น ถึงค่ำนี้ ฝากชาวชลบุรี อย่าตื่นตระหนก
จากกรณีรัฐบาลไทย เตรียมไปรับคนไทย ในนครอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน กลับไทย ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย และพิจารณาใช้ อาคารรับรองฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นสถานที่เฝ้าติดตามอาการจำนวน 14 วัน และให้ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นหน่วยแพทย์คอยเฝ้าระวังและตรวจอาการตลอดระยะเวลาทึ่เฝ้าติดตามอาการ
ซึ่งตามแผนสายการบินแอร์เอเชียจะถึงสนามบินอู่ตะเภา กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เวลาประมาณ 19.00 น.ของวันนี้ และลำเลียงทั้งหมดทางรถยนต์ ซึ่งในนั้นจะมีกัปตัน ลูกเรือ เจ้าหน้าที่ ของสายการบินและคนไทย รวมประมาณกว่า 170 ชีวิต ที่อพยพจากอู่ฮั่น มาเฝ้าสังเกตการณ์อาการตามหลักสากล โดยสำหรับสถานที่เฝ้าติดตามอาการ คาดว่าจะใช้กิจการอาคารรับรองสัตหีบ สวัสดิการอาคารรับรองกองทัพเรือ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หรือบ้านพักตากอากาศของกองทัพเรือ เพราะสะดวกในการดูแล อีกทั้งหากในระหว่างการเฝ้าติดตาม หากใครมีอาการป่วยสามารถส่งโรงพยาบาลที่กองทัพเรือเตรียมพร้อมไว้คือ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ที่อยู่ในเขตฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
เมื่อช่วงหัวค่ำ (3ก.พ.) บรรยากาศที่โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ และที่ กิจการอาคารรับรองสัตหีบ สวัสดิการอาคารรับรองกองทัพเรือ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พบว่ามีเจ้าหน้าที่บางส่วนได้มีการเตรียมความพร้อมบางแล้ว แต่ไม่อนุญาติให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพ ซึ่งจากการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ทราบว่า โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ มีความพร้อมในการรองรับผู้ป่วย ถ้าเกิดมีการติดเชื่อไวรัสโคโรน่าในกล่มผู้อพยพจากอู่ฮั่น พร้อมได้มีการประชุมวางแผนกับกระทรวงสาธารณสุข กรมแพทย์ทหารเรือ กองทัพเรือถึงความพร้อมในด้านต่างๆ รองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นอย่างรัดกุม
และบริเวณสถานที่เฝ้าติดตามอาการกิจการอาคารรับรองสัตหีบ สวัสดิการอาคารรับรองกองทัพเรือ มีการเตรียมก่อสร้างแนวรั่ว สังกะสี ล้อมรอบบริเวณที่พักทั้งหมด และระยะอาณาเขตของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าออก โดยเด็ดขาด ซึ่งภายในจะมีคณะแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ คอยดูแลและดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนสากล เป็นเวลา 14 วันเพื่อรอดูอาการ หากไม่มีการติดเชื้อก็จะอนุญาตปล่อยให้กลับบ้านเป็นรายบุคคลไป อีกทั้งหากในระหว่างการเฝ้าติดตาม ใครมีอาการป่วย ซึ่งจะสามารถส่งรักษายังโรงพยาบาลมีที่เตรียมพร้อมทันที
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนในพื้นที่อย่าตื่นตะหนกเพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ใช่ผู้ป่วย เป็นบุคคลที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ไปด้วยหลักความสากลที่มีแผนรองรับการคัดกรองผู้โดยสารเข้าออกระหว่างประเทศ ด้านสาธารณสุขเป็นอย่างดี และจะไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่แน่นอน
