แหล่งข่าวกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด หรือเอ็นที ว่า ยังไม่สามารถจดทะเบียนบริษัทได้ เนื่องจากชื่อใหม่ที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 ขัดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 เนื่องจากทั้งแคทและทีโอที ต่างจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนจำกัด แต่บริษัทใหม่ภายหลังควบรวมกิจการกลับไม่ใช่บริษัทมหาชนจำกัด
แหล่งข่าวกล่าวว่า มี 2 แนวทางสำหรับแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้แก่ 1.จดทะเบียนเอ็นที เป็นบริษัทมหาชนจำกัด หรือ 2.ถอดบริษัทมหาชนจำกัด ออกจากแคทและทีโอที ซึ่งทั้ง 2 แนวทางกระทรวงดีอีเอสต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เพื่อให้มีมติว่าจะเลือกใช้แนวทางใด
ทั้งนี้ หากที่ประชุม คนร. มีมติใช้แนวทางแรก กระทรวงดีอีเอสจะต้องจัดทำข้อมูลเสนอต่อที่ประชุม ครม. เพื่อให้มีมติเห็นชอบอีกครั้ง จากนั้นจึงจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้เอ็นทีเป็นบริษัทมหาชนจำกัด แต่หากเลือกแนวทางที่ 2 ทั้งแคทและทีโอที จะต้องจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าใหม่ โดยถอดบริษัทมหาชนจำกัดออก เพื่อให้สอดคล้องกับมติ ครม. ดังนั้น แนวทางนี้จึงไม่ต้องเข้าที่ประชุม ครม. อีก
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า ต้องการให้ใช้แนวทางแรก คือให้เอ็นที เป็นบริษัทมหาชนจำกัด เนื่องจากคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) จะเป็นผู้พิจารณาโครงการต่างๆ แต่หากไม่เป็นบริษัทมหาชนจำกัด การพิจารณาโครงการต้องผ่านสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการทำงาน
“แม้การควบรวมกิจการจะติดปัญหาดังกล่าว แต่เชื่อว่า จะไม่กระทบกับกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้ดำเนินการควบรวมกิจการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนนับจากวันที่ ครม. มีมติเห็นชอบ” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการย่อย 13 คณะ ในการดำเนินการเรื่องต่างๆ เช่น ด้านบริการ การเงิน และ บุคลากร เพื่อไม่ให้การควบรวมกิจการกระทบต่อสวัสดิการของพนักงาน ส่วนการว่าจ้างที่ปรึกษาได้ดำเนินการร่างสัญญาเสร็จสิ้นในวงเงิน 30 ล้านบาท ซึ่งแคทและทีโอที เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายคนละครึ่ง โดยจะมีการศึกษา 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องกฎหมาย เรื่องบุคลากร โดยทีโอทีเป็นผู้รับผิดชอบ และเรื่องที่ปรึกษาควบรวม ทั้งด้านการเงิน และยุทธศาสตร์ ซึ่งแคทเป็นผู้รับผิดชอบ