ไทยแพร่สื่ออนาจารเด็ก อันดับ 3 ของโลก พบต่างชาติหลอกแต่งงานหญิงหม้าย หวังเคลมลูกติด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุมรัชโยธิน โรงแรมเดอะบาซาร์ จตุจักร กรุงเทพฯ ศูนย์กฎหมายเพื่อสังคม ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดสัมมนาสื่อมวลชนว่าด้วยการปกป้องคุ้มครองเด็กจากภัยออนไลน์ ภายใต้โครงการพัฒนากลไกการขจัดสื่อร้ายและภัยออนไลน์
ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี รองผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ตนทำงานด้านนี้มา 12 ปี พบว่าส่วนใหญ่ผู้ที่มาแสวงหาประโยชน์ทางเพศกับเด็กต้องมาในเชิงกายภาพ เข้ามาตีสนิท ผูกพันใกล้ชิดกับเด็ก จนเด็กเชื่อใจแล้วแอบหลอกไปถ่ายคลิป ถ่ายภาพ ซ่อนกล้องตามที่ต่างๆ ซึ่งพบว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นครูสอนภาษา นักดนตรี หรือนักบวช ที่หลอกล่อเด็ก บางรายบวชเป็นพระ 10 ปี สึกมาเป็นครูสอนจริยธรรมและแอบถ่ายภาพเด็กขณะที่เผลอ
แต่ในช่วงออนไลน์นี้ การกระทำผิดดังกล่าวไม่ต้องอาศัยนกต่อในการหลอกเด็กอีกต่อไป แต่สามารถใช้โซเชียลมีเดียต่างๆ เข้าไปถึงห้องนอนเด็ก และจากที่เคยเลือกกลุ่มเด็กที่มีปัญหา กลุ่มเปราะบาง ก็เปลี่ยนไป คนเหล่านี้จะเข้าไปชวนคุย และดูว่าเด็กเหล่านี้ต้องการอะไรแล้วใช้สิ่งนั้นหลอกล่อ เช่น บางคนอยากเป็นนางแบบ หรือบางคนอยากได้เกมดีๆ ทำให้เด็กตกเป็นเหยื่อได้ง่าย นอกจากนี้ ชาวต่างชาติยังหลอกผู้หญิงจากเว็บหาคู่ เลือกหญิงที่เป็นหม้ายลูกติด เพื่อล่วงละเมิดทางเพศของลูกอีกด้วย
“จากกรณีส่วนใหญ่ที่กระทำผิด เราพบว่าเจ้าหน้าที่รู้ก่อนผู้ปกครองเสมอ เด็กมักถูกบังคับให้ต้องกระทำไปเรื่อยๆ เพราะถูกขู่ว่าจะนำรูปไปเผยแพร่ นอกจากนี้ ผู้กระทำผิดยังนิยมใช้ไลฟ์สตรีมมิ่งในการเผยแพร่ เพื่อให้ไม่มีหลักฐานเก็บไว้ ใช้วิธีการโอนเงินเพื่อจะดู และอยู่กระจัดกระจายหลายประเทศ ทำให้ต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่หลายประเทศในการจับกุมพร้อมกัน ไม่ให้หนีได้ ทั้งยังพบว่าผู้กระทำผิด จากเดิมที่พบในอายุ 50 ปีขึ้นไป ก็เจออายุน้อยลง และทำเพื่อการค้ามากขึ้น ขณะที่อายุเฉลี่ยของเด็กก็ลดลง อยู่ที่ 10-12 ปี เด็กหลายคนไม่พร้อมดำเนินคดี เพราะเห็นว่าผู้กระทำเป็นคนใกล้ชิด และมีบุญคุณ” ร.ต.อ.เขมชาติกล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 กล่าวว่า คนร้ายเหล่านี้ใช้อินเตอร์เน็ตในการเข้าถึงเด็กๆ ได้ง่าย เริ่มจากอะไรง่ายๆ เช่น ชวนมาถ่ายแบบ ก่อนจะโน้มน้าวให้เด็กถอดเสื้อ สุดท้ายเมื่อได้ภาพก็นำไปขู่ว่าจะเผยแพร่ ก่อนจะบังคับให้เด็กถ่ายภาพในห้องเรียน ในที่สาธารณะ ซึ่งเด็กไม่กล้าบอกใคร เพราะหวาดกลัว และแก้ปัญหาได้ยากกว่าผู้ใหญ่ และยิ่งคลิปมีสตอรี่ ยิ่งหายาก ยิ่งได้รับความนิยม มีความน่าสนใจและเพิ่มมูลค่าได้มาก ซึ่งส่วนใหญ่เด็กมักไม่ดำเนินคดี ทั้งด้วยหวาดกลัวและไม่รู้ว่ามีสิทธิอะไรบ้าง