เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ อาคารไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ว่า รัฐธรรมนูญเป็นของปวงชนชาวไทยขอใช้สิทธิในการวิจารณ์และไม่เห็นด้วยต่อคำวินิจฉัย เพราะศาลรัฐธรรมนูญจึงมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์และแสดงออก ไม่ใช่การละเมิดหรือดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ประชาธิปไตย การวินิจฉัยส่งผลคือ 1.พรรคการเมืองที่ก่อตั้งไม่ได้ถือครองอำนาจรัฐ สถานะการเมืองมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ศาลวินิจฉัยว่าพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคล 2.เงินกู้อาจเป็นเงินบริจาค หากศาลตีความเป็นเช่นนั้น ดังนั้น พรรคการเมืองทุกพรรคที่กู้เงินโปรดระมัดระวังตีความเป็นเงินบริจาคเกิน 10 ล้านบาท 3.การใช้ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่มีบทลงโทษจะส่งผลให้ถูกยุบพรรคทันที ในมาตรา 6 และส่งผลต่อเนื่องให้ยุบพรรคทันที ใครรับเงินบริจาคเกิน 1 บาทมีโอกาสยุบพรรคทันที 4.หากระบบกฎหมายต้องการห้ามกู้เงินจริงๆ หรือวางเงื่อนไข จำเป็นต้องตรากฎหมายข้อห้ามให้ชัดเจน พรรคการเมืองจะได้รู้ล่วงหน้า มิใช่ปล่อยให้คลุมเครือจนศาลรัฐธรรมนูญตีความในโทษรุนแรงถึงยุบพรรค เหมือนประหารชีวิต ดังนั้น การใช้ต้องตีความครอบคลุม 5.ต้องการมิให้ใครครอบงำพรรค สิ่งที่ต่อเนื่องจากการวินิจฉัยวันนี้ แต่เมื่อพรรคอนาคตใหม่ที่ทำงานต้องการแสดงเงินมาจากไหนบ้างแต่เรากลับถูกยุบ พรรคอื่นถึงเวลาแป๊บเดียวตั้งสาขาส่งผู้แทนครบหมด ถามๆ จริงนำเงินมาจากไหน ดังนั้น ต่อไปนี้พรรคการเมืองจงอย่าโปร่งใส่ จงปกปิดให้มิดถึงอยู่ได้ โปร่งใสถึงยุบพรรค 6.จากการยุบพรรคไทยรักษาชาติต่อเนื่องยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิการเมือง 10 ปี ก่อนหน้านี้เราใช้รัฐธรรมนูญ 40 และ 50 ตัดสิทธิ 5 ปีก็สูงสุดแล้ว แต่วันนี้ตัดสิทธิ 10 ปี ดังนั้น การวินิจฉัยต้องมีเหตุมีผลถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบผู้อื่น ศาลตรวจสอบผู้อื่น คำถามใครตรวจสอบศาล กกต. นั่นคือประชาชน
“การตอกลิ่มแบบนี้จะเพิ่มความขัดแย้งมากกว่าเดิม ดังนั้น นายธนาธรและผมจะออกไปรณรงค์การเมืองทั่วประเทศมากกว่าเดิม หากคนมีอำนาจคิดว่าจะตัดไฟเขาคิดผิดนี่คือไฟลามทุ่ง นี่คือจุดเริ่มต้นของประชาชนที่ได้มาซึ่งประชาธิปไตย นี่ไม่ใช่จุดจบแต่คือจุดเริ่มต้น พวกเราเป็นปีศาจกาลเวลาที่ถูกสร้างขึ้นมา ผมเชิญชวนประชาชนออกมารวมตัวกันที่พรรคและให้กำลังใจกัน” นายปิยบุตรกล่าว
