“สราวุธ” ลั่น เหตุอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาต่อรองคดีเป็นเรื่องร้ายเเรง เผยทีมอุ้มมาดักรอหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ก่อน1ชั่วโมงวงจรปิดจับได้

ประธานศาลฎีกามอบหมายให้นายอาคม รุ่งแจ้ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองเลขาธิการประธานศาลฎีกา ไปเยี่ยมให้กำลังใจแก่นางสาวพนิดา ศกุนตะประเสริฐ

“สราวุธ” ลั่น เหตุอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาต่อรองคดีเเทรกเเซงการพิจารณาพิพากษาเป็นเหตุร้ายเเรงไม่เคยเกิดมาก่อน เข้าเยี่ยมร่วมให้กำลังใจ ระบุทีมอุ้มมาดักรอหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ก่อน1ชั่วโมงวงจรปิดจับได้ มั่นใจหลักฐานรัดกุม เตรียมพิจารณาจัด “คอร์ทมาเเชล”เฝ้าระวังเหตุร้ายองค์คณะหากพิจารณาคดีสำคัญผู้มีอิทธิพล เผยตร.สืบทางลับรายงาน ปธ.ศาลฎีกาทราบคืบหน้าตลอด

เมื่อเวลา 14.00 น.นาย สราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมกล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ที่มีการอุ้มนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ67ปี พี่ชาย น.ส.พนิดา  ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ และเป็นเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้น นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เพื่อให้ยกฟ้องคดีที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ และ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ หลายสมัย พรรคพลังประชาชน เป็นจำเลยในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 265,268 จากกรณีการโอนหุ้นนายชูวงษ์ร่วม 300 ล้านบาท ว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 17.30 น.ได้มีคนร้ายจากเท่าที่ปรากฎหลักฐาน 3-4คนร่วมกันอุ้มลักพาตัว นายวีรชัย หายขึ้นรถที่จอดเตรียมมาไปบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยภายหลังจากมีการลักพาตัวในวันเดียวหันกลุ่มคนร้ายได้โทรศัพย์เข้ามา หา น.ส.พนิดาเพื่อข่มขู่คดีโดยขอให้ยกฟ้องในคดีโอ้นหุ้นนายชูวงษ์ หลังจากนั้น น.ส.พนิดา จึงเข้าเเจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการบันทึกเทปสนทนาการข่มขู่ดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งทางสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ประสานทางสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ (ตร.) เเละมีการตั้งทีมสืบสวนขึ้นมาในวันดังกล่าวทันที โดยการสืบสวนสอบสวนที่ตั้งขึ้นก็ติดตามคดีเรื่อยมา เเต่ด้วยความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยของตัวประกัน เรื่องดังกล่าวจึงต้องอยู่ในชั้นความลับไม่สามารถที่จะเป็นข่าวได้ โดยทางทีมสืบสวนสอบสวนสามารถสืบจนได้ทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องก่อเหตุคือใครบ้าง จนทราบว่ามีคดีที่เกี่ยวพันอยู่เหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนี้ 2 คดี คือคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ เเละการโอนหุ้น 300ล้าน โดยเมื่มีการรวบรวมพยานหลักฐานทีมสืบสวนได้ติดตามสถานที่กบดานคนร้ายจนเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาจึงได้ขออนุญาตศาลอาญาออกหมายจับจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ตามที่เป็นข่าว นอกจากนี้ยังมีการขอหมายค้น 20 กว่าจุดในการหาพยานหลักฐานมัดตัวคนร้ายครบถ้วน ซึ่งทราบมาว่าตอนนี้สามารถจับคนร้ายได้3คนเเล้วเเละกำลังตามจับบางส่วนที่หลบหนีอยู่ ส่วนเรื่องจำนวนคนร้ายที่ก่อเหตุนั้นถ้าสืบสวนไปเกี่ยวพันถึงใคร ตำรวจจะขอหมายจับเพื่อจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

โดยในวันนี้ ตนพร้อมด้วย ,นายอาคม รุ่งแจ้ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ,นายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองเลขาธิการประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นตัวเเทน นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ซึ่งติดภารกิจเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศ เดินทางไปให้กำลังใจ น.ส.พนิดา เเละเเจ้งข่าวให้ได้ทราบ น.ส.พนิดายังอยู่ในภาวะเสียใจ ซึ่งทางสำนักงานศาลก็ได้ดูเเลความปลอดภัย ตั้งเเต่วันที่ 4 ก.พ เราได้ประสานกับทางสำนักงานตำรวจเเห่งชาติจัดหน่วยคุ้มกันดูเเลความปลอดภัยมาโดยตลอด ซึ่งในปัจจุบันภายหลังเกิดเหตุท่านก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

โดยหลังจากวันนี้เรื่องการคุ้มกันนอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเเล้ว เจ้าพนักงานตำรวจศาลหรือคอร์ท มาร์แชล จะเข้าไปเสริมการดูเเลในเรื่องคุ้มกันเเละการเดินทางปฏิบัติหน้าที่ คดีนี้หลักฐานทั้งหมดที่ทางศาลเรามี เราส่งให้ตำรวจกองปราบหมดเเล้ว กล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คนได้ตั้งเเต่มาดักรอที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ก่อนลักพาตัวประมาณ1 ชั่วโมง ส่วนเรื่องวงจรปิดจับภาพนาย บรรยินได้เลยหรือไม่นั้น ต้องถามทางเจ้าหน้าที่ซึ่งเเจ้งว่ามีพยานหลักฐานครบถ้วนในการออกหมายจับนายบรรยินกับพวกเเล้ว ซึ่งรายละเอียดจะอยู่ในสำนวนสอบสวนที่ทางตำรวจจะเเถลงต่อสื่อมวลชนเอง เรื่องนี้เราต้องขอบคุณทาง ผบ.ตร.ที่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก จนสามารถจับตัวคนร้ายได้

Advertisement

“ช่วงที่ผ่านมา นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกาได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ท่านจะพูดทุกครั้งในการประชุม ก.ต.หรืออก.บ.ศ. เรื่องด้วยความห่วงใยความปลอดภัยของผู้ถูกลักพาตัว เเต่เราต้องเก็บเป็นความลับเพื่อคำนึงความปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช” ผู้บังคับการ ปราบปรามได้รายงานความคืบหน้าให้นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ทราบความคืบหน้าอยู่เป็นระยะมาตลอด “เลขาสำนักงานศาลยุติธรรมกล่าวเเละว่า

“เหตุการณ์การจับตัวประกันเพื่อต่อรองให้ตัดสินคดีที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นในศาลยุติธรรมมาก่อน ถือว่าเป็นเรื่องกระทบความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีของผู้พิพากษา”

นายสราวุธยังระบุอีกว่า หลังจากนี้หน่วยของศูนย์รักษาความปลอดภัยตาม พรบ.ตำรวจศาล มาตรา5 ที่มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่และความปลอดภัยของตัวบุคคล ทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะต้องวางมาตรการในเชิงป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น ต่อไปถ้าหากมีคดีสำคัญหรือเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลเราก็จะต้องวิเคราะห์เรื่องการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิด เราอาจต้องมีการอารักขาตัวองค์คณะ ดังนั้นเราจึงต้องมีการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าพนักงานตำรวจศาลโดยเร็ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการอบรมเพื่อบรรจุเเต่งตั้งชุดใหม่ให้ได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image