มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) เอ็มโอยู 7 หน่วยงาน ติดตั้งเครื่องโทรมาตร แจ้งก่อนเกิดอุทกภัย
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ ถนนพระราม 1 ปทุมวัน กรุงเทพฯ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) “โครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ เพื่อตรวจวัดข้อมูลภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน และระดับน้ำในพื้นที่ป่าต้นน้ำ” ร่วมกับ 7 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ, กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช, กรมป่าไม้, กรมการปกครอง, กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน.
รวมทั้งได้ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการน้ำ ในระดับชุมชนตามพระดำริ ผ่านการจัดตั้งเครือข่ายเตือนภัยชุมชนเพื่อนพึ่งภาฯ ขึ้นทั้งหมด 18 ชุมชน โดยได้ฝึกอบรมราษฎรอาสาสมัครในชุมชน ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เพื่อการเฝ้าระวัง การเตือนภัย และการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย และได้ให้การสนับสนุนวิทยุสื่อสารแก่เครือข่ายเตือนภัยชุมชนเพื่อนพึ่งภาฯ เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารในพื้นที่ที่สัญญาณโทรศัทพ์มือถือยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง
ศ.พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ กล่าวอีกว่า จากการดำเนินโครงการนำร่องที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จอย่างดี องค์ประธานกรรมการมูลนิธิฯ จึงทรงมีพระดำริให้มูลนิธิฯ ขยายผลการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติฯ ให้ครอบคลุมป่าต้นน้ำทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อจะเป็นประโยชน์ในด้านการเฝ้าระวังป้องกันภัยพิบัติ และจะมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่ป่าต้นน้ำได้อย่างยั่งยืน จึงมีการทำเอ็มโอยูนี้ เพื่อดำเนินโครงการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติในพื้นที่ป่าต้นน้ำทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จำนวน 510 สถานี ซึ่งคาดว่าจะทยอยดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จภายใน 3 ปี เริ่มต้นปีนี้ที่ภาคเหนือ ในจังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าจะสามารถติดตั้งได้ร้อยกว่าเครื่อง
ขณะที่ ดร.รอยล จิตรดอน ประธานกรรมการ สสน. กล่าวว่า เดิมภาคส่วนราชการต่างๆ มีเครื่องโทรมาตรรวมกันประมาณ 2,000 กว่าเครื่อง มีเฉพาะในพื้นที่เมืองและพื้นที่ราบ แต่การจะวัดฝนที่ทำให้รู้ล่วงหน้า เพื่อนำไปสู่การวางแผนที่ดี ต้องวัดในป่า ฉะนั้นการติดตั้งเครื่องโทรมาตรอัตโนมัติตามพื้นที่ป่าต้นน้ำทั่วประเทศนี้ จะทำให้เราทราบภัยล่วงหน้า อย่างภาคเหนือจะทราบก่อน 48 ชั่วโมง และภาคใต้ 24 ชั่วโมง โดยคาดการณ์สภาพฝนปีนี้จะเหมือนปี 2538 ที่มีฝนมากตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป การมีเครื่องโทรมาตรอัตโนมัติในพื้นที่ป่าต้นน้ำ จึงเป็นประโยชน์อย่างมาก
นายกอบชัย โฉมงามขำ นักพัฒนาโทรมาตร สสน. กล่าวว่า เครื่องโทรมาตรอัตโนมัติเป็นเครื่องรุ่นที่ 4 ที่เราพัฒนาต่อยอดมาจากเครื่องของญี่ปุ่น โดยรุ่นนี้จะเล็กกว่ารุ่นก่อนๆ เพราะสัญญาณโทรศัพท์ครอบคลุมทุกพื้นที่ ติดตั้งเป็นเสาทำเสมือนต้นไม้แฝงได้ตามป่าต้นน้ำทั่วประเทศ และติดตั้งตามคอสะพาน เพื่อตรวจวัดข้อมูลภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน และระดับน้ำในพื้นที่ จากนั้นจะส่งข้อมูลผ่านระบบ 4จี ไปยังเซิร์ฟเวอร์ โดยจะมีนักวิชาการของ สสน.คอยมอนิเตอร์ ประมวลผลการตรวจวัดระดับน้ำ และส่งข้อความรายงานปริมาณน้ำฝนผ่านเอสเอ็มเอสไปยังเครือข่ายชุมชน
แต่หากเกิดปริมาณน้ำฝนที่สูงกว่าปกติ ก็จะส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังวิทยุสื่อสารที่มูลนิธิฯ มอบให้แก่เครือข่ายชุมชนทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการเตรียมพร้อม ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด