เอเอฟพี รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ คณะลูกขุนของศาลรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีคำพิพากษาตัดสินว่า นายฮาร์วีย์ ไวน์สตีน อดีตเจ้าของค่ายหนัง ผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการฮอลลีวู้ดวัย 67 ปี มีความผิดจริงในคดีข่มขืน และคดีประทุษร้ายทางเพศ แต่พ้นผิดในข้อกล่าวว่าประทุษร้ายทางเพศอย่างป่าเถื่อน ซึ่งเป็นข้อหารุนแรงที่สุด โดยผลคำตัดสินดังกล่าว สร้างความดีใจแก่กลุ่มผู้เคลื่อนไหว #MeToo ซึ่งรณรงค์ต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศว่าเป็นชัยชนะแห่งประวัติศาสตร์
ทั้งนี้หลังคำตัดสิน นายไวน์สตีน ถูกนำตัวกลับไปฝากขังที่เรือนจำไรเกอร์ ไอส์แลนด์ ในนิวยอร์ก หลังจากคณะลูกขุน ประกอบไปด้วยผู้ชาย 7 คน, ผู้หญิง 5 คน พิพากษาว่า อดีตโปรดิวเซอร์ผู้ทรงอิทธิพลมีความผิดในข้อหาอาชญากรรมทางเพศระดับ 1 และ มีความผิดในคดีข่มขืนระดับ 3 แต่นายไวน์สตีน ซึ่งเคยมีผลงานภาพยนตร์เป็นที่รู้จักมากมาย หลายเรื่อง รวมทั้ง Shakespeare In Love พ้นผิดในคดีข่มขืนระดับ 1 และคดีประทุษร้ายทางเพศอย่างป่าเถื่อน ซึ่งสามารถมีโทษจำคุกถึงตลอดชีวิต แต่ด้วย 2 คดีที่นายไวน์สตีนถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง สามารถทำให้ไวน์สตีน เผชิญกับโทษจำคุกสูงถึง 29 ปี
ไวน์สตีน ต้องใช้วอล์กเกอร์ เป็นอุปกรณ์ช่วยเดินระหว่างเดินทางมาที่ศาลเพื่อรับฟังการพิจารณาคดี และมีใบหน้าซีดเผือด ทั้งยังมีสีหน้าแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ ความรู้สึกอยู่บ้างหลังได้รับฟังคำตัดสิน หลังจากนั้นได้ถูกนำตัวไปฝากขังเพื่อรอการพิจารณาคดีต่อไป ที่จะมีขึ้นวันที่ 11 มีนาคมนี้
อาร์เธอร์ เอดาลา ทนายของไวน์สตีน กล่าวว่า ลูกความของตนถึงกับ “ช็อก”เมื่อได้ฟังคำตัดสินของคณะลูกขุน และนายไวน์สตีนยังพึมพำว่า ” ผมบริสุทธิ์ ผมบริสุทธิ์ เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้อย่างไรในอเมริกา? ”
ขณะที่ ดอนนา โรทูนโน หัวหน้าทีมทนายของไวน์สตีน ยืนยันว่าจะมีการอุทธรณ์ต่อไป ” การต่อสู้ยังไม่จบ ” และกล่าวชมลูกความของเธอที่มีการตัดสินใจสมเป็นชายชาตรี
เอเอฟพี กล่าวว่า คำตัดสินที่คละกันเช่นนี้ของคณะลูกขุน เป็นการเปิดช่องทางกฎหมายที่กว้างให้แก่ผู้หญิงอีกหลายสิบคน ที่กล่าวหานายไวน์สตีนว่าล่วงละเมิดทางเพศพวกเธอ และว่านี่เป็นการพิพากษาคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อจำเลยที่เป็นบุคคลมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา นับแต่คดีของ บิล คอสบี นักแสดงตลกรุ่นบรมครูของวงการฮอลลีวู้ด ที่ถูกตัดสินเมื่อปี 2561 ว่ามีความผิดในข้อหาวางยา และประทุษร้ายทางเพศต่อเหยื่อผู้หญิง 15 คน
กลุ่ม The Time’s Up foundation ซึ่งถือกำเนิดขึ้น จากคดีของนายไวน์สตีน ต่างยินดีต่อผลคำตัดสินว่าเป็น ศักราชใหม่ของความยุติธรรม และมีแถลงการณ์ว่า “ผู้กระทำทารุณกรรมไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และอำนาจที่มีอิทธิพลที่คอยปกป้องคนเหล่านั้นอยู่ โปรดรับรู้ไว้ว่า ไม่มีทางหวนคืนกลับอีกแล้ว ”
ไซรัส แวนซ์ อัยการสูงสุดของแมนฮัตตัน ชื่นชมบรรดาผู้หญิง ที่ออกมาฟ้องดำเนินคดีกับไวน์สตีนว่า ได้สร้างความเปลี่ยนแปลง และได้สร้างหลักสูตรแห่งประวัติศาสตร์
“นี่คือภูมิทัศน์ใหม่สำหรับเหยื่อผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงทางเพศ นี่คือวันใหม่ พวกเราทุกคนล้วนเป็นหนี้พวกคุณ ซึ่งมีความกล้า ที่ได้ออกมาบอกเล่าเรื่องราวของคุณต่อชาวโลก ต่อศาล แม้แต่ละคนจะต้องเผชิญความเสี่ยงอย่างมาก และต้องเจอกับความเจ็บปวด ” แวนซ์ บอกกับนักข่าวที่นอกศาลรัฐนิวยอร์ก
อนึ่ง นายไวน์สตีน ถูกผู้หญิงกว่า 80 คนกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศ และกลายเป็นประเด็นที่ปลุกกระแสให้มีผู้หญิงทั่วโลก ก้าวออกมากล่าวหาผู้ชายที่อยู่ในตำแหน่งสูงที่มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิง ที่กลายเป็นประเด็นดังเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2560 แต่เนื่องจากมีคำร้องหลายคำร้องที่มีอายุความนานเกินกว่าจะถูกนำมาดำเนินคดี คณะลูกขุนจึงพิจารณาข้อกล่าวหา 2 คดี ที่ เจสสิกา มานน์ อดีตนักแสดง และ มิมี่ ฮาเลยี อดีตผู้ช่วยฝ่ายโปรดักชั่นฟ้องดำเนินดคีต่อนายไวน์สตีน
