เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ร.ต.ท.หญิง สวรส รัตนวาร รอง สว.สส.(สอบสวน) สภ.เมืองจันทบุรี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ ศูนย์วิทยุกู้ภัย สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี ว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋ง เฉี่ยวชนกับรถตู้รับส่งนักเรียน เหตุเกิดบนถนนสายบำราศนราดูร บ้านชำโสม พื้นที่ ม.6 ต.แสลง อ.เมือง จ.จันทบุรี ขาเข้าเมือง ซึ่งในที่เกิดเหตุ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นเด็กนักเรียน 2 ราย หลังรับแจ้ง ได้ประสานกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ รุดเดินทางไปตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือนักเรียนที่บาดเจ็บในที่เกิดเหตุ พบรถยนต์เก๋ง มาสด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ-8003 จันทบุรีเสียหลักจอดอยู่ข้างทาง สภาพด้านหน้ามีร่องรอยการถูกเฉี่ยวชนพังเสียหาย ใกล้กันพบรถตู้รับ-ส่งนักเรียน โตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน นข-3331 จันทบุรี อยู่ในลักษณะถูกชน เสียหลักจอดอยู่หน้าบ้านเรือนประชาชนข้างทาง สภาพมีร่องรอยถูกชน ที่บริเวณประตูเลื่อนกลางรถพังเสียหาย โดยมี นายเอื้อ แย้มกลีบ อายุ 75 ปี คนขับรถตู้ และคนขับรถเก๋งคู่กรณี ยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้บาดเจ็บเบื้องต้น เป็นเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล และชั้นประถมศึกษาที่โดยสารมากับรถตู้ เป็นเด็กชาย 1 ราย และเด็กหญิง 1 ราย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่ง รพ.พระปกเกล้าฯเพื่อให้แพทย์ทำการรักษา ส่วนเด็กนักเรียนชาย – หญิง ที่นั่งมากับรถตู้อีกประมาณกว่า 10 คน ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด โดยเด็กนักเรียนบางราย ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ รับอาสาส่งกลับบ้าน ส่วนบางรายยืนรอผู้ปกครองมารับ
จากการสอบสวนของ ร.ต.ท.หญิง สวรส ระบุนายเอื้อ คนขับรถตู้รับ-ส่ง นักเรียน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ขับรถตู้รับเด็กนักเรียน กลับมาจากโรงเรียนในตัวเมืองจันทบุรี เพื่อจะส่งกลับบ้าน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ได้ขับรถเลยทางเข้าบ้านของหนึ่งในจำนวนเด็กนักเรียนที่นั่งในรถ จึงจอดรถข้างทางเพื่อจะกลับรถ ซึ่งในระหว่างที่ที่กำลังเลี้ยวกลับรถ ไม่ทันระวังว่ามีรถยนต์เก๋ง ที่ขับสวนมาทางตรง จึงถูกพุ่งชนเข้าที่ประตูเลื่อนอย่างแรง จนทำให้เด็กนักเรียนที่นั่งอยู่ด้านใน ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนของร้อยเวรเจ้าของคดี เบื้องต้นได้ทำการตรวจสอบ และบันทึกภาพที่เกิดเหตุ บันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกันนี้จะได้เชิญตัวคนขับรถตู้ และคนขับรถคู่กรณี มาสอบปากคำเพิ่มเติมยังโรงพัก เพื่อมาประกอบกับพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ในการสรุปหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่กระทำความผิด และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
