นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้ทำหนังสือไปยังผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ที่ไม่ยอมแจ้งสต๊อกหน้ากากอนามัยที่อยู่ในครอบครอง หลังจากที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้ทุกรายแจ้งสต๊อกของเดือนมกราคม 2563 ภายในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 และได้ขยายระยะเวลาสุดท้ายถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ แต่พบว่ายังมีผู้ผลิตและจำหน่ายไม่ยอมแจ้งถึง 47 ราย จึงได้ทำหนังสือเชิญ ให้เข้ามาชี้แจงแล้ว โดยล่าสุดมีผู้เข้าชี้แจง 28 ราย พร้อมกันนี้ได้ทำหนังสือเชิญให้ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ที่ไม่ปันส่วนหน้ากากอนามัยมาให้กับกรมอีก 16 ราย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการรอให้เข้ามาให้คำชี้แจงข้อเท็จจริง
นายวิชัย กล่าวว่า ในรายที่ไม่แจ้งสต๊อก ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าไม่มีสินค้าในมือ ก็เลยไม่แจ้ง ซึ่งตามกฎหมายก็ต้องแจ้งข้อมูลด้วย โดยกรมจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท และปรับอีกวันละ 2 พันบาทจนกว่าจะแจ้ง ส่วนรายที่ไม่ยอมปันส่วน จะเร่งเรียกมาถามเหตุผลต่อไป หากพบว่ามีสินค้า แต่ไม่ยอมปันส่วน จะมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท
นายวิชัย กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัยที่ขายสินค้าราคาแพงเกินจริง ล่าสุดได้จับกุมได้แล้ว 39 ราย ในจำนวนนี้เป็นการขายทางออนไลน์ 5 ราย และเป็นร้านค้าทั่วไป 34 ราย ซึ่งได้ส่งดำเนินคดีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ฐานความผิดตามมาตรา 29 ในข้อหาค้ากำไรเกินควร รวม 26 ราย มีโทษตามกฎหมายสูงสุด คือ จำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท ซึ่งกรม ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในลักษณะนี้ทุกราย เพราะถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
“ การระบายหน้ากากอนามัยของศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัย ขณะนี้ได้รับการปันส่วนจากผู้ผลิตและผู้จำหน่ายได้ประมาณวันละ 5 แสนชิ้น ได้มีการกระจายต่อให้กับหน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้ อย่างองค์การเภสัชกรรม การบินไทย สมาคมร้านขายยา และนำไปจำหน่ายให้กับประชาชนที่กระทรวงพาณิชย์ ส่งจำหน่ายผ่านร้านธงฟ้าจำนวน 1,140 แห่งทั่วประเทศ และล่าสุดกระจายผ่านร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ร้านมินิบิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส โดยจำกัดการซื้อคนละ 4 ชิ้นๆ ละ 2.50 บาท “นายวิชัย กล่าว
