นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2563 เชื่อว่ายังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิค แม้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ไทยในไตรมาส 1 ปี 2563 จะมีโอกาสติดลบแน่นอนเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 เนื่องจากเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศไม่เกิดขึ้นทั้งหมด อาทิ การบริโภคในประเทศ การลงทุนของภาคเอกชน และการใช้จ่ายของภาครัฐ แต่เชื่อว่าในไตรมาส 2 ปี 2563 จีดีพีจะกลับมาเป็นบวกได้หากเทียบกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เนื่องจากภาครัฐสามารถเร่งรัดในการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ได้ เพราะเชื่อว่าน่าจะเห็นถึงทิศทางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีเท่าที่ควร รวมถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) น่าจะเริ่มคลายตัวลงได้
นายวิจิตรกล่าวว่า ในช่วงต้นปีถึงปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดระดับลงแล้ว ประมาณ 250 จุด หรือลดลง 10% สาเหตุมาจากผลกระทบความกังวลของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา รวมถึงปัจจัยลบในประเทศ ได้แก่ ภัยแล้ง งบประมาณล่าช้า และการปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ลง ส่งผลให้ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยซื้อขายอยู่ในอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (พีอี) ที่ 14.4 เท่า เท่านั้น จึงประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% หรืออีก 1 ครั้งในปี 2563 หากสถานการณ์ของปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ยังไม่ดีขึ้น
“ในช่วง 1 สัปดาห์แรกตลาดเปิดมาด้วยดัชนีที่ระดับ 1,560 จุด สร้างบรรยากาศที่ดีได้ในช่วงสั้นๆ ก่อนจะถูกผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสกระทบดัชนีปรับลงต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าต่อจากนี้บรรดานักวิเคราะห์จะมีการปรับลดคาดการณ์กำไรบจ.อีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีปัจจัยที่เหนือความคาดหมายเข้ามากระทบหลักๆ คือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และปัจจัยหลายอย่างยังไม่คลายตัว โดยปัจจุบันคาดการณ์กำไรต่อหุ้นไทยของบลูมเบิร์ก อยู่ที่ 96.00 บาท เนื่องจากหลายๆ บจ.ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบจากไวรัสโคโรนาได้ โดยเบื้องต้นประเมินว่า กำไรต่อหุ้นในปี 2563 น่าจะอยู่ที่ 90 บาท หรือกำไรบจ.น่าจะเติบโตได้ที่ระดับ 9 แสนล้านบาทต้นๆ เท่านั้น ซึ่งจะได้กรอบการซื้อของดัชนีหุ้นไทยในปี 2563 ที่ 1,300-1,450 จุด” นายวิจิตรกล่าว
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
