นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2562 มีกำไรสุทธิ 402.7 ล้านบาท เติบโต 14.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 351.55 ล้านบาท และมีรายได้รวม 3,386.8 ล้านบาท เติบโต 17.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,885.97 ล้านบาท โดยการเติบโตดังกล่าวมาจากการเติบโตของ Beauti Series ในประเทศ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวกว่า 22 SKU ตลอดปีที่ผ่านมา เช่น การเปิดตัวเครื่องดื่มน้ำผสมวิตามินภายใต้แบรนด์ B’lue ซึ่งเป็นความร่วมมือกับบริษัทระดับโลกอย่าง Danone Group ที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายและก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องดื่มในเซกเมนต์ Water Plus รวมถึงการรับรู้รายได้จากการเพิ่มสัดส่วนลงทุนในออล โคโค เป็น 51% ทั้งนี้ เนื่องจากผลประกอบการที่ดี ฐานะการเงินในงบดุล รวมถึงเงินสดที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง คณะกรรมการบริษัทฯ จึงเห็นชอบนำเสนอเงินปันผล 0.83 บาทต่อหุ้น ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป คิดเป็น 60% ของกำไรสุทธิของงบเฉพาะกิจการ
นางสาวปิยจิตกล่าวว่า แผนดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารจัดการด้านต้นทุน โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้นอีกในปีนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิค และกระบวนการลดต้นทุนต่างๆ จาก Danone แม้ยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในปี 2563 โดยจะต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วงเดือนเมษายนนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมรับมือต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอาทิไวรัสโควิด-19 เนื่องจากบริษัทเรามีพอร์ตฟอลิโอหลากหลาย มีการกระจายช่องทางการขาย และประเทศที่ขายสินค้ากว่า 90 ประเทศทั่วโลก เราจึงมีความพร้อมและมีความได้เปรียบในการบริหารจัดการที่ดี
“แม้ในปี 2562 ตลาดต่างประเทศจะมีแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดตะวันออกกลางอยู่บ้าง แต่ในปี 2563 เราเห็นทิศทางการกลับมาเติบโต ตามปัจจัยพื้นฐานเดิมของตลาดต่างประเทศเช่นเดียวกับปีก่อนๆ นอกจากนี้ ตลาดในประเทศก็ยังมีแรงสนับสนุนต่อเนื่องจาก Danone Group ทั้งผลิตภัณฑ์เดิมภายใต้แบรนด์ B’lue และรวมถึงผลิตภัณฑ์ซึ่งจะพัฒนาร่วมกัน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวก็ยังเป็นปัจจัยบวกต่อแบรนด์อื่นๆ ของบริษัทฯ ทั้ง Beauti Series และ เพรียวคอฟฟี่ ในประเทศไทย โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่ายทางการขายและการตลาดให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นไปกว่าปี 2562 อีกด้วย” นางสาวปิยจิตกล่าว
