น.ส.บุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2562 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า บริการ และค่าลิขสิทธิ์ 6,602 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย แต่มีผลกำไร 342 ล้านบาท และภาระหนี้สินของบริษัทลดลง คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) จึงมีมติเสนอการจัดสรรผลกำไรเพื่อจ่ายเงินปันผลในอัตราเกือบ 90% ของกำไรสุทธิประจำปี 2562 หรือคิดเป็นหุ้นละ 0.30 บาท
สำหรับผลประกอบการกลุ่ม GRAMMY แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจเพลง จำนวน 4,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 61 ของรายได้จากการขายสินค้า การให้บริการ และค่าลิขสิทธิ์ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของธุรกิจโชว์บิซ ธุรกิจดิจิทัลมิวสิค และธุรกิจการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ ส่วนธุรกิจการร่วมค้า ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสร้างสรรค์คอนเทนท์คุณภาพที่ตรงใจผู้ชม ประกอบกับกลยุทธ์การจัดวางผังรายการที่มีความหลากหลาย เข้าถึงผู้ชมกลุ่มเป้าหมายได้อย่าง กลุ่มธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตมากมาย ธุรกิจเทรดดิ้ง ประกอบด้วยธุรกิจจัดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณดาวเทียม โดยมีรายได้เท่ากับ 280 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 16 จากปีก่อน และธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง มีรายได้ 1,694 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 27 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว ส่วนธุรกิจภาพยนตร์ มีรายได้รวม 465 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11
น.ส.บุษบา กล่าวว่า กำไรขั้นต้นในปีนี้เท่ากับ 2,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปี 2561 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39 ของรายได้รวมจากการขายสินค้า การให้บริการ และค่าลิขสิทธิ์ ขณะที่ปีก่อนมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 36 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ปีนี้เท่ากับ 2,118 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จากปีก่อนที่มี 2,214 ล้านบาท เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายที่ลดลงถึงร้อยละ 19 จากปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1 ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในปี 2562 เท่ากับ 342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 326 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
