จาตุรนต์ ผิดหวัง ‘บิ๊กตู่’ กล่าวแถลงทีวีพูล แก้โควิด-19 ไม่ช่วยทำให้ ปชช.เกิดความมั่นใจ
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ที่นายกฯควรแถลง แต่ไม่ได้แถลง ฟังนายกฯแถลงแล้ว แม้จะไม่ผิดคาด แต่ก็รู้สึกผิดหวัง เพราะนึกว่าประชุมกันมาอย่างดีแล้ว คงจะมีมาตรการต่างๆ ที่ชัดเจนและมีคนเตรียมร่างสปีชให้ น่าจะดีกว่าพูดสดๆ มากกว่านี้หน่อย
ที่เห็นปัญหาข้อแรกก็คือ มีบางส่วนที่เป็นเฟคนิวส์อย่างชัดเจนเช่น (ที่ผ่านมา) “….คัดกรองผู้ป่วยตามมาตรฐานสากลอย่างมีประสิทธิภาพ มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ มีการจัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ สถานพยาบาล และเวชภัณฑ์ทั่วประเทศอย่างเพียงพอเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ…”
ที่ว่าเป็นเฟคนิวส์ เพราะการคัดกรองผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยตามสนามบิน และแม้แต่โรงพยาบาลหลายแห่งไม่ได้มาตรฐาน เพราะไม่มีเครื่องมือส่วนสถานพยาบาลและเวชภัณฑ์นั้น ที่จริงไม่เพียงพอ ข่าวจากทางราชการเองก็บอกว่ามีปัญหาการส่งต่อผู้ป่วย จากโรงพยาบาลเอกชนไปโรงพยาบาลรัฐ หรือแม้แต่โรงพยาบาลรัฐด้วยกันแล้วทั้งๆ ที่ผู้ป่วยยังไม่มาก
ที่นึกไม่ออกว่าแปลว่าอะไรคือ ที่ว่ายกระดับการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศอย่างเข้มข้น ที่ผ่านมาทำเพียงวัดไข้ซึ่งเกือบจะไม่บอกอะไร จากนี้ไปจะทำอย่างไรไม่ได้บอก
นอกนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคำแนะนำในการปฏิบัติตัวสำหรับประชาชน ซึ่งน่าจะให้แพทย์เป็นผู้แนะนำจะดีกว่า
อีกส่วนหนึ่งคือ นายกฯ ดูจะเห็นว่าการที่ประชาชนตื่นตระหนก เป็นเพราะการกระจายข่าว ที่ไม่เป็นความจริง ทั้งๆ ที่ประชาชนตื่นตระหนก เพราะไม่เห็นว่ารัฐบาลมีมาตรการที่เข้มงวดแข็งแรงเพียงพอเสียมากกว่า
แถลงทางทีวีพูลทั้งที สิ่งที่นายกฯ ควรจะได้ชี้แจงให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ แต่พลาดโอกาสไปก็คือมาตรการดังต่อไปนี้
1.รัฐบาลมีหลักเกณฑ์กำหนดประเทศเสี่ยงอย่างไร จะเพิ่มจะลดด้วยเงื่อนไขอะไร มีคำถามเช่นมาเลเซียมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วและมีพรมแดนติดกับไทย จัดเป็นประเทศเสี่ยงหรือไม่ ประเทศในยุโรปหลายประเทศมีผู้ป่วยเพิ่มเร็วมาก ต้องเพิ่มเป็นเท่าไรจึงถือว่าเป็นประเทศเสี่ยง ไม่ควรใช้วิธีรอให้ประเทศต่างๆปิดประเทศกันไปเอง
2.กำหนดเงื่อนไขในการอนุญาตให้ชาวต่างประเทศ ที่เดินทางจากประเทศเสี่ยงมาได้เท่าที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น งดการให้วีซ่าท่องเที่ยวที่ควรทำมานานแล้ว กำหนดให้ทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ ที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง จะต้องมีการคัดกรองอย่างมีประสิทธิภาพและกักตัว โดยการควบคุมดูแลของทางราชการอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่ปล่อยเสรีอย่างที่ทำอยู่
3.การเตรียมสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ สำหรับการกักตัวเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง และผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อในประเทศให้เพียงพอ ซึ่งเร็วๅนี้อาจต้องใช้เป็นจำนวนมาก
4.แสดงความพร้อมในการเตรียมบุคลากร สถานพยาบาล เวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์เช่นเครื่องช่วยหายใจ ฯลฯ ให้เพียงพอในกรณีที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากๆ โดยระบุจำนวนที่ชัดเจน
5.มาตรการในการแก้ปัญหาหน้ากากและเจลล้างมือขาดแคลน ที่เชื่อได้ว่าจะแก้ปัญหาได้จริง
6.ที่แถลงว่ามีมาตรการอย่างเข้มข้น เพื่อหยุดการแพร่กระจายเชื้อ โดยงดกิจกรรมในสถานที่ที่มีการชุมนุมจำนวนมาก ปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สถานบันเทิง สนามกีฬา และสถานศึกษา นั้นยังมีสถานที่ประเภทอื่นใดอีกบ้าง ห้ามจัดกิจกรรมที่มีคนเกิน 50 คนหรือไม่ มีบทบังคับตามกฎหมายอย่างไร
7.มาตรการที่แต่ละจังหวัดพึงใช้ โดยกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติ เช่น การติดตามรวบรวมข้อมูลผู้อยู่ในข่ายเสี่ยงที่จะเป็นผู้ติดเชื้อ การกำชับหรือบังคับให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต้องกักตัวเอง หรือต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ ไม่ใช่ปล่อยให้ทำกันบ้างไม่ทำบ้างตามอัธยาศัยอย่างที่เป็นอยู่
8.การมีระบบชี้แจงให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชน โดยองค์กรและบุคลากรที่เหมาะสม เชื่อถือได้ ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหรือแตกต่างขัดแย้งกันเองบ่อยๆอย่างที่เป็นอยู่
น่าจะได้ประมาณนี้ เสียดายที่นายกฯเกือบจะไม่ได้พูดถึงสิ่งเหล่านี้เลย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาคนร่างสปีชหรอกครับ เป็นเพราะไม่ได้มีการกำหนดมาตรการเหล่านี้ต่างหาก คือไม่ใช่ปัญหาควรพูดอะไร แล้วไม่ได้พูด แต่เป็นควรทำอะไร แล้วไม่ได้ทำหรือไม่ได้คิดจะทำเสียมากกว่า