อัยการธนกฤต แนะ รบ.ประกาศประเทศเขตติดโรคเพิ่มเติม หากปิดสถานที่ไม่ได้ผล ชูมาตรการฝรั่งเศส ตัดวงจร

ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล
ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล

อัยการธนกฤต แนะ รบ.ประกาศประเทศเขตติดโรคเพิ่มเติม หากปิดสถานที่ไม่ได้ผล ชูมาตรการฝรั่งเศส ตัดวงจร

 

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เขียนบทความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ให้ข้อเเนะนำการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้มาตรการทางกฎหมาย รับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มีข้อความว่า ตามที่รัฐบาลประกาศมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ออกมาหลายมาตรการ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน
 

โดยเฉพาะการสั่งปิดสถานที่ต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อได้ง่าย เช่น สถานศึกษา โรงมหรสพ สนามมวย สนามกีฬา รวมทั้งการเลื่อนวันหยุดสงกรานต์นั้น เมื่อพิจารณาสถานการณ์ความรุนแรงของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันแล้ว รัฐบาลยังสามารถใช้มาตรการทางกฎหมายได้อีกหลายอย่าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้ เช่น

Advertisement

1.ประกาศประเทศที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย เพิ่มเติมจากเดิมที่ประกาศให้ประเทศเกาหลีใต้ จีน อิตาลี และอิหร่าน เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย โดยใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 5 วรรคหนึ่งและมาตรา 8

เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ความรุนแรงของการแพร่ระบาดของโรคไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ 4 ประเทศนี้เท่านั้น แต่ได้ขยายไปในวงกว้างในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก โดยเฉพาะในแถบประเทศอาเซียนใกล้เคียงประเทศไทย สหรัฐอเมริกา และประเทศในสหภาพยุโรป เช่น สเปน และฝรั่งเศส

ซึ่งจะทำให้รัฐสามารถบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้มากขึ้นและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม เช่น มาตรการในการกักกันตัวบุคคลไว้เพื่อเฝ้าสังเกตโรค ซึ่งถ้าจำเป็นก็มีอำนาจตามมาตรา 41 ในการสั่งให้เจ้าของเครื่องบินโดยสารหรือผู้ควบคุมเครื่องบินโดยสาร ที่เดินทางมาจากประเทศที่ถูกประกาศให้เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย ต้องเป็นผู้รับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูผู้โดยสารในระหว่างที่ผู้โดยสารถูกกักกัน และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศได้ด้วย

Advertisement

2.การที่มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากสนามมวยลุมพินีและราชดำเนิน และมีการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังบุคคลที่อาศัยอยู่ในหลาย ๆ จังหวัดของประเทศไทย หน่วยงานของรัฐควรต้องเร่งรีบสอบสวนหาสาเหตุ และหาตัวบุคคลผู้แพร่เชื้อโรคเป็นคนแรกให้ได้ว่าเป็นใคร รวมทั้งติดตามสอบสวนหาบุคคลที่อยู่ในวงจรการแพร่กระจายการระบาดของเชื้อโรค ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคระบาดลุกลามไปในวงกว้างมากกว่านี้ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นเดียวกับป้าในเมืองแทกูของประเทศเกาหลีใต้ ที่เป็น Superspreader แพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ไปยังผู้คนอีกจำนวนมาก

3.หากมาตรการในการปิดสถานที่ต่าง ๆ ที่รัฐบาลประกาศบังคับใช้ไม่ได้ผล จากการที่คนที่มีประวัติเสี่ยงยังคงเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ลดกิจกรรมทางสังคม ไม่กักกันตนเอง รวมทั้ง การที่สถานการณ์การระบาดของโรคมีความรุนแรงมากขึ้นจนอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะควบคุมได้ รัฐบาลอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้นขึ้น ด้วยการสั่งปิดการเข้าออกของเมืองที่มีการแพร่ระบาดของโรค

และหากการระบาดมีความรุนแรง การสั่งห้ามประชาชนไม่ให้ออกจากที่อยู่อาศัยเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็อาจมีความจำเป็นต้องทำเพื่อตัดวงจรการระบาดของโรคอย่าง เช่น ประเทศฝรั่งเศสเคยใช้มาตรการสั่งปิดสถานศึกษา ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิงทั่วประเทศ และสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งสั่งห้ามจัดงานที่มีประชาชนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากมาแล้ว แต่ไม่สามารถสกัดการระบาดของโรคได้

โดยทางการของประเทศฝรั่งเศสเห็นว่า การที่ชาวฝรั่งเศสยังคงออกไปพบปะกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน สังสรรค์กันในสถานที่ต่าง ๆ นอกจากจะไม่ป้องกันตัวเองแล้ว ยังเป็นการไม่ปกป้องคนอื่นด้วย เพราะในสภาวะโรคระบาดเช่นนี้ แต่ละคนล้วนมีโอกาสแพร่เชื้อโรคให้คนอื่นได้

นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส จึงได้ตัดสินใจใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ด้วยการแถลงการณ์ต่อสาธารณะเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 สั่งห้ามประชาชนทุกคนออกจากที่อยู่อาศัยเป็นระยะเวลา 15 วัน เว้นแต่ในบางกรณีที่อนุญาต เช่น ไปซื้อยา ไปพบแพทย์ ออกมาเพื่อซื้ออาหาร ข้าวของเครื่องใช้ และในกรณีที่จำเป็น หากฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษปรับไม่เกิน 135 ยูโร หรือประมาณ 5,000 บาท เพื่อสกัดไม่ให้มีการพบปะติดต่อกันระหว่างผู้คน และไม่ให้โรคลุกลามขยายวงกว้างออกไป

โดยคำกล่าวตอนหนึ่งของประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า

“เราอยู่ในภาวะสงคราม แต่เป็นสงครามที่ไม่ได้ต่อสู้กับกองทัพใดหรือชาติใด ศัตรูของเราเป็นศัตรูที่มองไม่เห็นและมันกำลังรุกคืบเข้ามา”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image