อัยการชี้ ‘โควิด-19’ รอจิตสำนึกคนไม่ได้ ออกมาตรการเด็ดขาดห้ามออกจากบ้าน เยียวยาเศรษฐกิจ

“อัยการธนกฤต” ชี้ปัญหาโควิดรัฐมัวรอพึ่งจิตสำนึกคนอย่างเดียวไม่ได้ ควรออกมาตรการเด็ดขาดห้ามออกจากบ้านพร้อมเยียวยาเศรษฐกิจ ปชช. ไม่ใช่โดนโควิดค่อยล้อมคอก ยกหลายประเทศยุโรปใช้วิธีปิดสถานที่มาเเล้วเเต่ไม่ได้ผล

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีการเเพร่ระบาดโควิด ว่า “ก่อนที่จะสายเกินไป โดนโคขวิดแล้วค่อยล้อมคอก ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้ง มีกระแสในโลกออนไลน์จำนวนมากขอความร่วมมือให้ทุกคนอยู่บ้านเพื่อไม่ให้การแพร่ระบาดของโรคขยายวงกว้างออกไป ผมเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและเห็นด้วยกับกระแสในโลกออนไลน์ในเรื่องนี้

แต่เรื่องนี้ต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และได้รับการเห็นพ้องนำไปปฏิบัติร่วมกันจึงจะได้ผล ถ้าเป็นประชาชนที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือประกอบอาชีพอิสระ การจะอยู่บ้านไม่ออกไปไหนสามารถทำได้เลยโดยสะดวกเพราะการทำงานเป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร

แต่หากเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัท ธุรกิจห้างร้าน ซึ่งหลายแห่งจะต้องเซ็นชื่อ แสตมป์บัตรประจำตัว สแกนลายนิ้วมือก่อนเข้าทำงานทุกวัน การอยู่บ้านไม่ไปทำงานอาจจะทำให้ขาดงาน ผมเชื่อว่าคนเหล่านี้อยากให้ความร่วมมือกับรัฐบาล แต่ถ้าอยู่กับบ้านก็ถือว่าขาดงาน บางคนถูกหักเงินค่าจ้างซ้ำอีกด้วย และสถานที่ทำงานจำนวนมากไม่สามารถรองรับการทำงานระบบออนไลน์ได้

นอกจากนี้ยังมีบุคคลที่มีประวัติอยู่ในกลุ่มเสี่ยง จากการเดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มคนจำนวนมากที่อยู่ในสนามมวย สถานบันเทิงที่มีการแพร่ระบาดของโรค แต่ไม่กักตัวเองไว้ตามคำแนะนำหรือคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังคงมีการพบปะผู้คนและเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ

Advertisement

ดังนั้น ลำพังการขอความร่วมมือจากประชาชนจากรัฐบาลหรือจากภาครัฐไม่ให้ออกจากบ้านจึงยังไม่มีสภาพบังคับที่เด็ดขาด ประชาชน หน่วยงาน บริษัท ธุรกิจ ห้างร้าน จะไม่ปฏิบัติตามก็ได้ หากฝ่าฝืนก็ไม่มีบทลงโทษอันใด และคงจะให้เป็นเรื่องจิตสำนึกของแต่ละคนก็ไม่ได้ เพราะจิตสำนึกของคนในสังคมไม่เท่ากันและไม่เหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องความปลอดภัย ของประชาชน ของชาติ เป็นเรื่องความเป็นความตายของชีวิตประชาชนในชาติ รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการจัดการที่ชัดเจน เด็ดขาด ไม่สามารถปล่อยให้เป็นเรื่องจิตสำนึกของแต่ละคนอีกต่อไปได้แล้ว

ประเทศไทยได้เห็นตัวอย่างในหลายประเทศของยุโรปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น อิตาลี สเปน เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส ที่เคยใช้มาตรการปิดสถานที่ต่างๆ แล้วไม่ได้ผล เพราะมีคนจำนวนมากที่ไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกันการระบาดของโรค ไม่ยอมปฏิบัติตามคำแนะนำและการขอความร่วมมือจากรัฐบาลที่ให้ประชาชนอยู่ในที่พัก ไม่ควรออกไปนอกบ้าน ซึ่งนอกจากจะไม่เป็นการป้องกันตนเองแล้วยังเป็นการไม่ปกป้องคนอื่นด้วย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดบางประเทศ เช่น อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส ต้องใช้มาตรการสั่งห้ามประชาชนออกจากบ้าน เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรค

รัฐบาลจึงควรมีมาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เด็ดขาด รวดเร็ว แน่นอนและชัดเจน ไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์การระบาดมีความรุนแรงแล้วจึงค่อยมาสั่งใช้มาตรการห้ามคนออกจากบ้าน หากเห็นว่าสถานการณ์การระบาดของโรคจะยิ่งทวีความรุนแรงจนอยู่ในภาะวะเสี่ยงที่จะควบคุมได้ รัฐบาลควรรีบตัดสินใจใช้มาตรการที่เด็ดขาดโดยการใช้มาตรการตามกฎหมายที่มีอยู่หลายฉบับ สั่งห้ามประชาชนออกจากที่อยู่อาศัยเป็นระยะเวลาหนึ่งที่เหมาะสม และกำหนดมาตรการรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมทั้งมาตรการในการเยียวยาทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน ผู้ประกอบการ ร้านค้า หน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ

Advertisement

ผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่พร้อมที่จะปฏิบัติตามมาตรการห้ามออกจากบ้านของรัฐบาล เพียงแต่ขอให้มีความชัดเจนแน่นอน รวดเร็ว ทันต่อการรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรค เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตนให้ถูกต้องและมีระยะเวลาให้ประชาชน ผู้ประกอบการ ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อม ไม่ควรปล่อยให้อยู่ในสภาวะอึมครึมว่ารัฐบาลจะจัดการรับมือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นให้ได้ผล และสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศได้อย่างไร”

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image