หลังจากสำนักพระราชวังโมนาโก ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคมว่า เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 กษัตริย์แห่งโมนาโก ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อมาองค์ประมุขแห่งโมนาโก พระชันษา 62 ประทานสัมภาษณ์พิเศษแก่นิตยสารพีเพิล จากห้องทรงงาน ในอพาร์ทเมนท์ พระราชวังส่วนพระองค์ระหว่างทรงกักตัว ถึงพระอาการว่า ” ข้าพเจ้ารู้สึกโอเค อาการของข้าพเจ้าจะคล้ายๆไข้หวัด แต่ไม่ได้รุนแรง ข้าพเจ้ามีไข้เล็กน้อย ไม่ได้สูงมาก มีอาการไอเล็กน้อย มีน้ำมูกไหลช่วง 2-3 วันแรก นั่นคืออาการเบื้องต้นของข้าพเจ้า ”
เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 ตรัสว่า “ข้าพเจ้าต้องระวัง เพราะข้าพเจ้ามีประวัติเคยป่วยเป็นโรคปอดบวมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ” ทั้งยังว่า เมื่อทรงพิจารณาจากอายุ และประวัติความเจ็บป่วย “นั่นคือสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าพิจารณาเข้ารับการตรวจ แต่คุณก็รู้ใช่ไหมว่า ก็มีผู้ป่วยหลายรายที่อายุต่ำกว่า 60 ที่ติดเชื้อไวรัสนี้ มันสามารถติดใครก็ได้ ไม่ว่าอายุเท่าไร ”
เมื่อนิตยสารพีเพิล ถามว่า ทรงคิดว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาได้อย่างไร เจ้าชายอัลแบร์ ทรงตอบว่า ” ถามสมาชิกคณะรัฐมนตรีคนหนึ่งของข้าพเจ้าบอกว่า มันอาจมาจากผู้คนเยอะแยะมากมาย ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าพยายามระมัดระวัง ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และทำทุกอย่าง แต่คุณก็ไม่มีทางรู้หรอก ข้าพเจ้าอาจจะติดมาจากการที่พูดกับใครในระยะห่างน้อยกว่า 3 หรือ 4 ฟุต และมันอาจเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ในช่วง 10 วันหรือมากกว่านั้น ซึ่งคุณไม่มีทางรู้ ”
อย่างไรก็ตาม เจ้าชายอัลแบร์ ตรัสว่า พระองค์ทรงเสด็จไปที่กรุงลอนดอน อังกฤษเมื่อวันที่ 10 มีนาคม เพื่อร่วมงานการกุศล WaterAid.ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ แห่งอังกฤษ
เจ้าชายอัลแบร์ ตรัสเล่าว่า ระหว่างที่ทรงกักตัว พระองค์ทรงติดต่อ สื่อสารกับ เจ้าหญิงชาร์ลีน พระชายา และ เจ้าชายฌาคส์ เจ้าหญิงกาเบรียลลา พระโอรส พระธิดาคู่แฝดทางโทรศัพท์ , Skype, WhatsApp และ FaceTime.
เมื่อผู้สัมภาษณ์ ทูลถามว่า มีอะไรอยากฝากถึงคนอื่นในการปฎับัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 บ้าง เจ้าชายอัลแบร์ ตรัสว่า “ขอให้ทำตามคำแนะนำต่างๆ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ ไวรัสนี้ร้ายแรง และการแพร่ระบาดยิ่งน่ากลัวมาก มันสามารถเล่นงานใครก็ได้ ไม่ว่ากลุ่มอายุไหน ได้ทุกเวลา แต่พวกเราจะต้องผ่านมันไป มันอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะ แต่ทุกคนจะต้องปฎิบัติตามคำแนะนำต่างๆ ใช่มันอาจจะดูวุ่นวาย การกักตัวก็เป็นอะไรที่จำกัดมากๆ แต่นี่เป็นหนทางเดียวที่จะหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสนี้ “
