ผู้ว่าฯ สมุทรสาครประกาศใช้มาตรการเข้มสั่งหยุดกิจกรรม – ปิดพื้นที่เสี่ยง 22 วัน

ผู้ว่าฯ สมุทรสาครประกาศใช้มาตรการเข้มสั่งหยุดกิจกรรม – ปิดพื้นที่เสี่ยง 22 วัน ส่อฟันผู้นำพื้นที่พ้นตำแหน่ง หากฝ่าฝืนคำสั่งผู้บังคับบัญชา ด้านหมอยันไทยได้ยาจีนช่วยรักษาโควิด

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร ได้ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรนา 2019 หรือโควิด19 ที่ ห้องประชุมชั้น7 โรงพยาบาลสมุทรสาคร อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนเข้ารับฟัง

นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด 19 ที่เป็นคนจังหวัดสมุทรสาคร รวม 4 คน แต่ในจำนวนนี้มีผู้ป่วย 2 ราย เป็นกลุ่มที่ติดจากสนามมวยลุมพินี เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลส่วนกลาง กรุงเทพมหานคร ขณะที่อีก 2 รายที่เหลือ คือ นักพนันที่ติดเชื้อจากฝั่งปอยเปต โดยเมื่อรู้ตัวว่าไม่สบายก็ไปเก็บตัวที่อพาร์ตเมนต์ในตำบลพันท้ายนรสิงห์ ในลักษณะกักตัว ไม่มีการสัมผัสกับใคร เพราะมีลูกที่บ้าน 2 คน มีการส่งข้าวน้ำในลักษณะแขวนผ่านประตู เมื่อเข้าตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนพบเชื้อ จึงได้ส่งตัวมาที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ โรงพยาบาลสมุทรสาครส่งเจ้าหน้าที่ไปพ่นยาฆ่าเชื้อที่อพาร์ตเมนต์เรียบร้อย ซึ่งผู้ติดเชื้อรายนี้ได้รับยารักษาที่ส่งมาจากประเทศจีนแล้ว ส่วนผู้ติดเชื้ออีกหนึ่งราย เป็นแม่บ้านอยู่ตำบลโคกขาม ติดจากการสัมผัสกับนายจ้างที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง ปัจจุบันนายจ้างเป็นผู้ติดเชื้อของ กทม. ส่วนตัวแม่บ้านแยกตัวต่างหาก มีประวัติเคยไปที่งานวัดแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา แต่มีกิจกรรมแค่ทานก๋วยเตี๋ยวอย่างเดียว มี 3 คนร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งผู้ติดเชื้อรายนี้ได้กักตัวไว้ดูอาการตั้งแต่นายจ้างป่วย ปัจจุบันอาการปกติ ส่วนผู้เดินทางไปด้วย 3 คน รวมทั้งร้านขายก๋วยเตี๋ยว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกักตัวดูแลอาการ

นพ.อนุกูล กล่าวอีกว่า สำหรับการดูแลผู้ติดเชื้อทั้ง 2 รายนั้น ขอยืนยันว่ามีทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ห้องกักตัว และมาตรการในการดูแลรักษาอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างปลอดภัยทั้งต่อผู้ติดเชื้อ ผู้ให้การดูแลรักษา รวมถึงคนไข้รายอื่นๆ ที่มารับบริการที่โรงพยาบาล ซึ่งสิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีสำหรับผู้ติดเชื้อรายที่ 2 คือ การได้รับยารักษาจากประเทศจีน ที่ส่งมาให้กระทรวงสาธารณสุขและมีการจัดแจกให้กับศูนย์ทางการแพทย์ในเขตต่างๆ อย่างถ้วนทั่วแล้ว ขณะที่หลายคนสงสัยว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อเป็นแรงงานข้ามชาติหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ในสมุทรสาครยังไม่พบผู้ติดเชื้อเป็นแรงงานข้ามชาติเลย นอกจากนี้ทางด้านความพร้อมของโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง ก็ได้มีการจัดเตรียมความพร้อมไว้ทั้งทางด้านบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์เครื่องมือ ห้องกักตัว รวมถึงยารักษา ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลสมุทรสาครสามารถรองรับผู้ป่วยไว้ในความดูแลได้สูงสูด 21 คน , โรงพยาบาลกระทุ่มแบน 11 คน และโรงพยาบาลบ้านแพ้ว 11 คน รวมทั้งสิ้น 43 คน

ด้านนายวีระศักดิ์ กล่าวเพิ่มอีกว่า นอกจากเรื่องของความพร้อมทางการแพทย์ในการรองรับผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อโควิดแล้วนั้น ที่ผ่านมายังมีมาตรการบังคับใช้กับคนทั่วไปในสมุทรสาครก็คือ การดำเนินการตามประกาศ 6 ฉบับ เน้นดำเนินการ 3 ล คือ ลด เลี่ยง ดูแล โดยเฉพาะในสถานประกอบการ และ สถานที่ราชการที่ต้องใส่หน้ากากอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ ผ่านจุดคัดกรอง ที่อาจสร้างความยุ่งยากขึ้นในการติดต่อราชการ แต่เพื่อความปลอดภัยสำหรับทุกคน และเน้นการใช้หน้ากากผ้า เพราะจะได้ไม่ไปกระทบต่อความต้องการหน้ากากทางการแพทย์สำหรับเจ้าหน้าที่แพทย์ – พยาบาล มีการทำความสะอาดอย่างเข้มข้นในสถานที่ราชการทุกแห่ง ,การออกประกาศคำสั่งปิดสถานบันเทิงและห้ามจัดเลี้ยงสังสรรค์ในงานทุกประเภท เพื่อป้องกันการรวมตัวกันของประชาชนกลุ่มใหญ่ จนอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ได้ โดยถ้ามีใครฝ่าฝืนจะจัดหรือจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในภาวะสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้ ก็ให้นายอำเภอดำเนินการลงโทษตามอำนาจหน้าที่ได้ทันที ทั้งนี้ก็มีตัวอย่างแล้ว เป็นผู้นำท้องที่แห่งหนึ่งฝ่าฝืนที่จะจัดเลี้ยงในงานบวช แม้ต่อมาจะไม่ได้จัด แต่ถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชาตั้งแต่เริ่มต้น จึงให้นายอำเภอออกคำสั่งปลดผู้นำท้องที่คนดังกล่าวไว้ก่อนทันที

Advertisement

“ส่วนเรื่องของการพิจารณาโทษและความผิด ก็ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงต่อไป ทั้งนี้เพราะถือว่านอกจากจะพยายามฝ่าฝืนคำสั่งผู้บังคับบัญชาแล้ว ยังปฏิบัติตนฝ่าฝืนระเบียบในฐานะเจ้าหน้าที่กรมการปกครองที่ต้องเป็นผู้ดูแลควบคุมความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของพื้นที่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ โดยตำแหน่งอีกด้วย”นายวีระศักดิ์กล่าว

นายวีระศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการเข้มข้นที่จะเริ่มดำเนินการในระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 12 เมษายน 2563 เป็นเวลา 22 วัน หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายคือ การปิดห้างสรรพสินค้าในทุกส่วน ยกเว้นส่วนที่มีความจำเป็นต่อการอุปโภค บริโภค ซุปเปอร์มาเกต ร้านขายยา และร้านอาหารที่ซื้อแล้วนำกลับไปรับประทานที่บ้าน เพื่อลดความเคลื่อนไหวของประชาชน ,ในส่วนของตลาดทั่วไปนั้น จะเปิดขายเฉพาะสินค้าที่จำเป็นเช่นกัน ประเภท ผัก ผลไม้ อาหารสด และ ยา เป็นต้น

“ส่วนบริการที่ไม่จำเป็น เช่น ร้านเสริมสวย คลินิกเสริมความงามต้องปิดชั่วคราว แต่คลินิกรักษาโรคสามารถเปิดได้และต้องสร้างมาตรการที่เข้มข้นสวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลา ,ด้านร้านอาหารในโรงแรมเปิดได้ แต่ขอให้เป็นการบริการเฉพาะคนที่มาพักด้านในเท่านั้น ส่วนร้านอาหารทั่วไปเปิดทำการได้ ภายใต้ดุลยพินิจของนายอำเภอ และถ้าร้านใดเปิดขายก็จะต้องมีมาตรการความปลอดภัย คือ สวมหน้ากาก ให้ซื้อกลับไปรับประทานที่บ้าน เพื่อลดการสัมผัสกับที่สาธารณะ และอีกสถานที่หนึ่งคือ ตลาดนัด อนุญาตให้ขายได้เฉพาะเครื่องอุปโภค บริโภค ที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน รวมทั้งยังต้องกำหนดเวลาเปิดปิดให้ชัดเจน โดยกำหนดให้ขายได้ไม่เกิน 1 ทุ่ม และต้องมีมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้น เช่นกัน”นายวีระศักดิ์กล่าว

Advertisement

นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า มาตรการต่างๆที่ออกมา อาจสร้างข้อจำกัดในการดำเนินชีวิต แต่ก็ขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตาม เพราะวันนี้หากทุกคนไม่ช่วยกัน ก็ไม่มีใครมาช่วยให้พวกเราพ้นภัยโควิดได้ เนื่องจากโควิด19 เป็นเชื้อโรคที่รักษาได้ แต่ก็มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทุกคนจึงต้องรู้จักการป้องกันตนเองและบุคคลอื่นๆ ที่อยู่ร่วมกันในสังคม ส่วนในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ก็ได้มีการทำป้ายประชาสัมพันธ์ พร้อมกับประสานองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อกระจายความรู้ มีอาสาสมัครในกลุ่มแรงงานต่างด้าว หรือ อสต. เข้าไปดูแลอีกทางหนึ่งด้วย

นายวีระศักดิ์ กล่าวตบท้ายว่า สำหรับสถานการณ์ของโควิท 19 ของจังหวัดสมุทรสาครนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง จะออกมาให้ข้อมูลที่เป็นจริงอย่างต่อเนื่อง หากมีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าทั้งทางบวกหรือทางลบ จะไม่มีการปิดข่าวอย่างแน่นอน จึงขอให้ฟังข่าวจากผู้ว่าราชการจังหวัดเท่านั้น อย่าเชื่อข่าวลวง และหากพี่น้องประชาชนท่านใดสงสัยหรือต้องการทราบข่าวสารความเคลื่อนไหวก็เข้าไปดูได้ที่เพจของสำนักงานสาธารณสุข เพจของประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร และเฟสบุ๊คของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หรือโทรมาสอบถามและแจ้งข้อมูลผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด 19 ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0655493322 สายตรงศูนย์ข้อมูลโรคโควิด 19 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร

ขณะที่ นพ.นายอนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับผู้ที่ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงไม่มีการเปิดเผยข้อมูลผู้ที่ติดเชื้อให้สังคมได้รับทราบ เพื่อจะได้เฝ้าระวังและดูแลตนเองว่าไปเกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อด้วยหรือไม่นั้น ในส่วนตรงนี้เป็นสิทธิ์ของผู้ป่วยที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ หากผู้ป่วยไม่อนุญาต แต่ก็ขอให้เชื่อมั่นว่า ถึงแม้สังคมจะไม่ทราบข้อมูลของผู้ป่วย แต่ทางแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มีการสำรวจข้อมูลของผู้ติดเชื้อ บุคคลใกล้ชิด หรือบุคคลที่สัมผัสฯ อย่างละเอียดและเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด มีการกักตัว ตรวจวัดไข้อย่างต่อเนื่อง ดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มข้น หากพบความผิดปกติก็จะนำตัวเข้ารับการรักษาทันที

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image