นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยสรุปให้มีมาตรการเสริมสภาพคล่องของตลาดการเงิน เพื่อช่วยให้กลไกตลาดตราสารหนี้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ ท่ามกลางภาวะตลาดการเงินโลกที่ผันผวน บลจ.กสิกรไทย ขอยืนยันว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย มีการจัดสรรเงินลงทุนที่ดี ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยทุกกองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี และมีสภาพคล่องสูง โดยบลจ.กสิกรไทย จะไม่มีการปิดรับคำสั่งซื้อหรือขายคืนหน่วยลงทุน หรือ ยืดวันชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ และพร้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุนทุกท่านอย่างเต็มที่เช่นเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการเสริมสภาพคล่องของตลาดการเงินทั้งใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.สร้างเสถียรภาพด้านราคาของตลาดตราสารหนี้เอกชน 2.ลดการเกิดการผิดนัดชำระหนี้ตราสารหนี้ภาคเอกชน 3.สร้างเสถียรภาพด้านราคาแก่ตลาดพันธบัตร
นายวศินกล่าวว่า สำหรับมาตรการสนับสนุนสภาพคล่องของกองทุนรวมตราสารหนี้ ผ่านธนาคารพาณิชย์ที่เข้าซื้อหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมตลาดเงิน และกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เป็นกองทุนเปิด ที่ถือสินทรัพย์คุณภาพดี แต่ได้รับผลกระทบจากการที่ตลาดการเงินขาดสภาพคล่อง สามารถนำหน่วยลงทุนดังกล่าวมาวางเป็นหลักประกัน เพื่อขอสภาพคล่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กว่าหนึ่งล้านล้านบาท กองทุนภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย ล้วนมีคุณสมบัติอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการสนับสนุนจากมาตรการดังกล่าวของธนาคารแห่งประเทศไทยทุกประการ
“อยากให้นักลงทุนมั่นใน เพราะผู้จัดการกองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการบริหารตราสารหนี้มาอย่างยาวนาน โดยกองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทยทุกกองทุน ไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ และมีการกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้หลากหลายประเภท เพื่อไม่ให้กระจุกตัวในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากจนเกินไป และยังให้ความสำคัญกับการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิต โดยเลือกลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเฉพาะตราสารที่ผู้ออกมีความมั่นคงสูงเท่านั้น ทั้งนี้ ในส่วนของการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศจะพิจารณาลงทุนในเงินฝากของธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีความเสี่ยงด้านเครดิตในวงจำกัด โดยในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนเช่นนี้ ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มการถือครองเงินสดให้มากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง รวมถึงหาโอกาสในการลงทุนจากตราสารหนี้คุณภาพดีที่ถูกเทขายออกมาในตลาด อีกทั้งจะปรับลดสัดส่วนหุ้นกู้เอกชนลงเล็กน้อย และเมื่อเงินฝากธนาคารต่างประเทศครบกำหนด อาจจะเปลี่ยนมาลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ” นายวศินกล่าว