‘โกลเบล็ก’ เชื่อหุ้นไทยยังผวาโควิด-19 ต่อเนื่อง หลังรัฐประกาศปิดเมืองทั้งกรุงเทพ-ปริมณฑล

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ จีบีเสส (GBS) เปิดเผยว่า ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงต่อ หลังมีการประกาศปิดเมืองภายในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่งผลให้ประชาชนที่ไม่มีงานทำเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพร่เชื้อในต่างจังหวัด ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และเสียชีวิตในโซนยุโรปและสหรัฐอเมริกา ยังเร่งตัวขึ้นเช่นกัน โดยพบว่ายังมีรายงานผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศต่าง ๆ ต่อเนื่อง

นางสาววิลาสินีกล่าวว่า ในส่วนของมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ของสหรัฐ ที่อาจจะออกมาล่าช้า ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยนักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกน สแตนลีย์ คาดว่าดัชนีการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) หรือดีพีของสหรัฐในช่วงไตรมาส 2/2563 อาจร่วงลงได้ถึง 30.1% ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมาเตือนว่า อัตราการว่างงานของสหรัฐอาจพุ่งแตะ 30% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดับเบิลยูทีไอที่แกว่งตัวผันผวนยังคงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานไปด้วย จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 970-1,100 จุด

นางสาววิลาสินีกล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเป็นความเคลื่อนไหวต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 24 มีนาคมนี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดจะพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ของไทย และญี่ปุ่นจะมีการเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมกราคมที่ผ่านมา และสหภาพยุโรป (อียู) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนมีนาคมนี้ ส่วนสหรัฐเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนมีนาคมนี้ รวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาด้วย ในส่วนวันที่ 25 มีนาคมนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะเปิดเผยรายงานการประชุม ส่วนสหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดัชนีราคาบ้านเดือนมกราคมที่ผ่านมา และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และในวันที่ 26 มีนาคมนี่ ทางธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย รวมถึงสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และจีดีพีในไตรมาส 4 ปี 2562 และกำไรภาคเอกชนในช่วงเดียวกันด้วย

“ตอนนี้ต้องยอมรับว่านักลงทุนแถบไม่ได้มองปัจจัยต่างๆ ที่เห็นว่าเป็นเรื่องบวกเลย อาทิ ค่าเงินบาทที่อ่อนลงมาจะส่งผลดีต่อการส่งออกที่พลิกขยายตัว 1.51% ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อหักการส่งออกทองคำ น้ำมัน และอาวุธออกแล้วก็ตาม และล่าสุดคณะกรรมการนโบายการเงิน (กนง.) ได้งัดไม้ตายลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มีผล 23 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโดยรวมจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการเสริมสภาพคล่องตลาดตราสารหนี้ และจัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (บีเอสเอฟ) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ และกระทรวงการคลังจะเตรียมเสนอมาตรการระยะ 2 ดูแลประชาชนที่ได้รับกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่การพิจารณาของครม. แต่ก็ยังไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ สะท้อนจากพากันปรับลดสถานะ เพื่อถือเงินสดไว้เป็นหลัก” นางสาววิลาสินีกล่าว

Advertisement

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า สำหรับตลาดทองคำ คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้ถูกกดดันจากแรงขายในทุกสินทรัพย์ เนื่องจากนักลงทุนต้องการถือเงินสดในช่วงเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ แม้ว่าเฟดจะมีการประกาศมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณการเงิน (คิวอี) ออกมาอย่างต่อเนื่อง และปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจนเหลือ 0% นอกจากนี้เฟดยังได้ประกาศทำข้อตกลงสัญญาสวอปอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเพิ่มสภาพคล่องสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้กองทุนเอสพีดีอาร์ ซึ่งเป็นกองทุนเปิดดัชนีที่จดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และถือเป็นกองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เริ่มทยอยขายต่อเนื่องกว่า 23 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ จึงแนะนำกลยุทธ์ “ลงซื้อขึ้นขาย” ให้กรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำ 1,560-1,607 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image