ซีเคพาวเวอร์ ยันไม่หยุดเดินเครื่องผลิตไฟป้อนหน้าร้อน พร้อมเข้มสกัดแพร่โควิดทั้งในไทยและลาว

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) “CKP” เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระบาดไปทั่วโลก และมีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น บริษัทขอรับรองว่าโรงไฟฟ้าภายใต้ความรับผิดชอบของบริษัททั้งในลาว และในไทย ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการที่ 1(BIC-1) และโครงการที่ 2 (BIC-2) รวมถึง โรงไฟฟ้าบางเขนชัยโซลาร์ ยังคงผลิตไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เต็มกำลังการผลิตโดยไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด

และ เพื่อเป็นการสกัดกั้นและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รวมถึง เพื่อความปลอดภัยของพนักงานและผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานและพื้นที่โรงไฟฟ้าทั้งในประเทศไทย และลาว บริษัทได้ออกแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับประกาศของกระทรวงสาธารณสุขไทย และลาว โดยแบ่งเป็น มาตรการในพื้นที่โรงไฟฟ้า และมาตรการสำหรับพนักงานและผู้ปฏิบัติงาน ดังนี้
มาตรการในพื้นที่โครงการ ให้เขตพื้นที่โรงไฟฟ้าทุกแห่งของบริษัทฯ เป็นเขตหวงห้ามขั้นสูงสุด และจำกัดการเข้าออกอย่างเคร่งครัด ในขณะทำงาน หากพนักงานมีอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.5 องศาเซลเซียส มีไข้ ไอ คัดจมูก เจ็บคอ หายใจติดขัด เป็นหวัด ให้รีบพบแพทย์ในโครงการโดยด่วน จำกัดการเข้า-ออกของบุคคลภายนอก หากเป็นกรณีฉุกเฉินและจำเป็นให้ผู้จัดการโรงไฟฟ้า เป็นผู้พิจารณาเป็นกรณี ๆ แต่จะต้องผ่านการตรวจร่างกายจากแพทย์ประจำโรงไฟฟ้าก่อน และให้งดการรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมทุกประเภทภายในโรงไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด

มาตรการสำหรับพนักงาน รวมถึงพนักงานสัญญาจ้าง หรือผู้รับเหมาประจำ ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่บริษัทฯ และบริษัทในเครือทุกคน ให้ปฏิบัติ ดังนี้ให้พนักงานงดการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อธุรกิจและเพื่อส่วนตัวทั้งหมด และยกเลิกการลาหรือการเดินทางไปต่างประเทศที่ได้รับอนุมัติไปก่อนหน้านี้ กรณีที่ได้รับอนุมัติการเดินทาง หรือมีคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันเมื่อเดินทางกลับจากต่างประเทศ พนักงานจะต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาและฝ่ายทรัพยากรบุคคลทันทีที่ทราบและให้ปฏิบัติงานจากที่บ้าน (Work from home) เป็นเวลา 14 วัน โดยต้องส่งรายงานสุขภาพแก่ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายทรัพยากรบุคคลทุก ๆ วัน เมื่อถึง 14 วัน ตามกำหนด พนักงานต้องแสดงใบรับรองแพทย์ล่วงหน้าก่อนกลับเข้าทำงานอย่างน้อย 1 วัน

กรณีพนักงานสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ COVID-19 และผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ ผู้ที่มีประวัติเดินทางหรืออยู่ในบริเวณที่มีการระบาดให้แจ้งต่อผู้บังคับบัญชา และฝ่ายทรัพยากรบุคคลทันทีและให้พนักงานส่งรายงานสุขภาพต่อผู้บังคับบัญชาและฝ่ายทรัพยากรบุคคลเป็นเวลา 14 วันนับตั้งแต่วันที่แจ้ง และให้ปฏิบัติงานจากที่บ้าน (Work from home) กรณีที่พนักงานมีอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น มีไข้ ไอ เป็นหวัด ให้พนักงานแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาและพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านหรือพบแพทย์ทันที และหากกรณีพนักงานที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงหรือแพทย์มีความเห็นว่าต้องได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 ให้แจ้งต่อผู้บังคับบัญชาและฝ่ายทรัพยากรบุคคลทันที พนักงานตั้งครรภ์ มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ สามารถปฏิบัติงานจากที่บ้านได้

Advertisement

สำหรับพนักงานที่ผ่านการคัดกรองจากทางโรงพยาบาล ว่าสมควรต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ COVID-19 หรือพบว่าติดเชื้อและต้องเข้ารับการรักษาสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อ และค่ารักษาพยาบาลจากทางบริษัทฯได้เต็มจำนวนเป็นกรณีพิเศษ โดยไม่รวมกับวงเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิกรณีอื่นนอกเหนือจากนี้ สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามสิทธิ พนักงานต้องเปิดเผยข้อมูลหากมีการเดินทาง การสัมผัส ติดต่อ หรือใกล้ชิดผู้ป่วย ให้ทางบริษัทฯ รับทราบ ขอให้พนักงานงดจัดและเข้าร่วมกิจกรรมการสังสรรค์ กีฬา และกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มพนักงานสัญญาจ้างหรือผู้รับเหมาประจำที่ปฏิบัติงานในพื้นที่บริษัทฯ และบริษัทในเครือให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดขึ้นเช่นเดียวกับพนักงาน

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัทเริ่มให้พนักงานปฏิบัติงานที่บ้านโดยสลับกันทำงานในอัตราส่วน 70:30 เพื่อลดความเสี่ยงต่อพนักงานและครอบครัวของพนักงาน ตามแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หรือ BCP ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง นอกจากนี้ พนักงานทุกคนยังต้องตรวจวัดอุณหภูมิทุกครั้งก่อนเข้าอาคารและจะต้องสวมหน้ากากป้องกันตลอดเวลาทำงาน

“บริษัทฯ ขอรับรองว่า โรงไฟฟ้าทุกแห่งภายใต้การบริหารของ CKPower สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเพื่อป้อนให้แก่ประชาชนทั้งในประเทศไทย และ สปป.ลาว ในช่วงฤดูร้อนที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าค่อนข้างสูง อย่างแน่นอน ในการนี้ ผมขอส่งกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไทยและลาว แพทย์ พยาบาลทุกท่าน ขอให้ร่วมกันฟันฝ่าช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้อย่างประสบผลสำเร็จ บริษัทฯ พร้อมจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน” นายธนวัฒน์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image