วันที่ 26 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,080.03 จุด ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,075.12 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,091.96 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 11.93 จุด หรือ 1.10% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,103.59 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,072.94 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 62,344.06 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 4,464.21 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 919.16 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,949.13 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 1,595,92 ล้านบาท โดยดัชนีบวกมากสุด 7.09 จุด บวกมากสุด 23.56 จุด
โดยนางสาวชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปิดในแดนบวก แต่ดัชนีไปได้ไม่ไกลมากนัก แม้จะมีแรงสนับสนุนจากวุฒิสภาสหรัฐจะมีการโหวตผ่านร่างมาตรการช่วยเหลือโควิด-19 มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยถือเป็นปัจจัยสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนในเชิงบวกได้ แต่ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจปี 2563 ของทั่วโลกที่กำลังทยอยออกมา อาจส่งสัญญาณที่ไม่ดีนัก โดยวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ประเมินตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยในปี 2563 จะติดลบ ส่วนสิงคโปร์คาดว่าจะจีดีพีในไตรมาส 1/2563 จะหดตัวสูงถึง 10.6% และทั้งปี 2563 จะหดตัวในช่วงระหว่าง 1-4% รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) อาจออกมาประกาศให้สหรัฐกลายเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดแห่งใหม่ แทนที่ประเทศอิตาลีและจีน ที่เคยเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดในช่วงก่อนหน้านี้ ถือเป็นปัจจัยกดดันการไต่ระดับขึ้นดัชนีต่อเนื่อง
“ขณะที่การแพร่ระบาดในประเทศไทยยังคงเพิ่มเครื่องขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเพิ่มขึ้น 111 ราย แม้ไม่ได้เพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร่งมากนักแต่ยังต้องเฝ้าดูพัฒนาการอย่างใกล้ชิด จึงคาดว่าดัชนีจะมีทิศทางผันผวนออกด้านข้างต่อไป โดยให้กรอบอยู่ที่ 1,080 – 1,110 จุด สำหรับกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยให้ถึงเงินสดไปก่อน 100% ส่วนนักลงทุนที่ยังสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง เน้นทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีเมื่อตลาดอ่อนตัวลง และหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการที่กทม. ได้สั่งปิดสถานที่ 26 แห่ง” นางสาวชุติกาญจน์กล่าว
