บุรีรัมย์สั่งปิด 3 หมู่บ้าน หลังพบติดเชื้อเพิ่ม 4 ราย ทั้งสาวบาร์ – ครอบครัวไทย พ่อขับรถให้ต่างชาติป่วยโควิด ชี้ไทม์ไลน์สังสรรค์ดื่มกิน
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมคณะได้แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด19 ว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 4 คน จากเดิม 5 คน
รวมขณะนี้มีจำนวน 9 คน ชาย 2 คน หญิง 7 คน)ช และอยู่ระหว่างรอผลจากห้องปฏิบัติการอีก 10 คนโดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 คน เป็นคนพื้นที่ หมู่ที่ 7 ต.โนนเจริญ อำเภอบ้านกรวด มีความเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติที่เข้ารับการรักษาตัวจากโควิด 19 ก่อนหน้านี้ โดยก่อนพบเชื้อ ได้มีการสัมผัสใกล้ชิดกับคนในหมู่บ้านหลายคน เป็นเคสแรกของจังหวัดที่มีการติดกันเองในครอบครัว
ส่วนอีก 1 คน พบในพื้นที่ หมู่ที่ 7 บ้านตากอง ตำบลหนองตะครอง อำเภอละหานทราย มีประวัติทำงานสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ เพื่อนที่ทำงานด้วยกันติดโควิด 19 หลังจากกลับมาบ้านได้มีการสังสรรค์กับคนในหมู่บ้านอีกหลายคน หลายเวลา
” สำหรับผู้ป่วยใหม่ 4 ราย เป็นหญิงชาว อ.ละหานทราย 1 ราย มีประวัติเสี่ยงทำงานอยู่ในบาร์ที่กรุงเทพฯ ส่วนอีก 3 รายอยู่ในพื้นที่ อ.บ้านกรวด มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยชาวต่างชาติรายที่ 2
โดยพบว่าทั้ง 3 รายนี้เป็นภรรยา ลูกสาววัย 12 ขวบ และเป็นคนขับรถให้กับชาวต่างชาติที่ป่วย จากการซักประวัติพบว่าสาเหตุที่ทำให้มีผู้ป่วยหลายราย
เนื่องจากไปสังสรรค์ดื่มกินกับคนในหมู่บ้านหลายกลุ่ม หลายเวลา ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในหมู่บ้าน ซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่สัมผัสโดยตรง ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจะต้องมากักตัวในสถานที่ ที่จัดใว้ให้ ส่วนบุคคลอื่นๆในหมู่บ้านจะต้องกักตัวอยู่ในบ้านเพื่อเฝ้าระวังโรค อย่างเคร่งครัด
โดยคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ มีคำสั่งให้ปิดหมู่บ้าน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 7 ต.โนนเจริญ อำเภอบ้านกรวด ,หมู่ที่ 7 บ้านตากอง และ หมู่ 12 ตำบลหนองตะครอง อำเภอละหานทราย โดยห้ามบุคคลใดเข้าหรือออกจากหมู่บ้านโดยเด็ดขาด เพื่อควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ 14 วันอย่างเคร่งครัด โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดจะสนับสนุนเครื่องอุปโภค บริโภค ทุกครัวเรือนทั้ง3หมู่บ้าน” นายธัชกรกล่าว
ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ผู้ที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยง พื้นที่มีการแพร่ระบาดควรปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด หากไม่มีวินัยในตนเอง ยังมีพฤติกรรมพบปะสังสรรค์ก็จะทำให้ตนเองได้รับเชื้อ และแพร่กระจายเชื้อไปในวงกว้างและจะยังสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดหมู่บ้านด้วยเช่นเดียวกับกรณีดังกล่าว