ศบค.ชี้ ผู้ติดเชื้อยังพุ่งทะยาน กระจุก กทม.-ปริมณฑล วอนต้องหยุดอยู่บ้าน

‘ศบค.’ วอนประชาชนร่วมมือหยุดโควิด-19  สั่งซื้อหน้ากาก-ชุดป้องกันแล้วกว่า 4 แสนชิ้น

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงรายงานประจำวันว่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้แถลงสิ่งที่สั่งการและติดตามงานที่สั่งไป โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณหน่วยงานทุกหน่วยงาน ทุกองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้ที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ตั้งแต่ระดับจังหวัดถึงระดับหมู่บ้าน รวมถึงทหาร ตำรวจ องค์กรอิสระ และจิตอาสาต่างๆ ที่ร่วมกันต่อสู้ เพื่อสกัดและหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยสิ่งสำคัญที่สุด ได้ฝากให้ประชาชนคนไทยทุกคนพร้อมใจหยุดอยู่บ้าน เพื่อป้องกันตนเอง และตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักมาตั้งแต่ต้น และเพื่อรักษาชีวิตของประชาชน ได้ให้แนวคิดไว้คือ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ล่าสุด มีรายงานผู้ป่วยสะสม เพิ่มขึ้น 1,245 ราย พบว่าเป็นผู้ป่วยใหม่ เพิ่มขึ้น 109 ราย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อคนไทย 1,032 ราย และผู้ติดเชื้ออื่นๆ ประมาณ 213 ราย ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสะสมอยู่ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะค่อนข้างทรงตัว โดยพบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงชายแดนภาคใต้ด้วย ในส่วนของช่วงอายุของผู้ป่วยที่ตรวจพบ อยู่ในช่วงวัยทำงาน ตั้งแต่ 20-59 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวันที่ต้องรักษาตัวเองอย่างดี เพราะ 80% ของคนที่ติดเชื้อมีอาการน้อย หรือแทบไม่มีอาการออกมาเลย จึงเป็นสิ่งที่นายกต้องการให้หยุดอยู่บ้าน เพื่อหยุดเชื้อไวรัสดังกล่าว ส่วนพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระจุกตัวอยู่ในจังหวัดกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดท่องเที่ยวทางภาคตะวันออก และภาคใต้ ได้แก่ ภูเก็ต ทั้งยังพบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย

“กระทรวงมหาดไทยได้ประสานยังผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือจากประชาชนที่อยู่ในจังหวัดเหล่านั้นๆ กับฝ่ายปกครอง เพราะทุกคนมีความสำคัญสูงสุด ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแพร่ระบาดของโรค เพราะหากให้ความร่วมมือ ตัวเองก็จะมีความปลอดภัยไปด้วย” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

Advertisement

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลก ขณะนี้พบว่า ตัวเลขยืนยันทั่วโลก อยู่ที่ 596,779 ราย มีรายที่อาการหนัก จำนวน 23,523 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน (27 มีนาคม) 4,365 ราย ส่วนรายที่รักษาหายแล้วมีประมาณ 133,355 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อแล้ว จำนวน 27,352 ราย เพิ่มขึ้นวันเดียว 3 พันกว่าราย โดยประเทศที่มีการติดเชื้อเข้มข้นสูงสุดอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา อิตาลี และอิหร่าน ซึ่งสาเหตุที่ต้องติดตามสถานการณ์การติดเชื้อในประเทศต่างๆ ด้วย เพราะเราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้สถานการณ์จากทั่วโลก เพื่อนำมาปรับใช้กับการควบคุมโรคระบาดในประเทศ โดยในประเทศไทยอยู่ที่

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีอีก 1 มาตรการที่ไม่ได้ทำเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เนื่องจากหลายๆ ประเทศก็มีการขอความร่วมมือจากประชาชนมากมายเช่นกัน โดยเป็นการปิดเมือง หรือล็อกดาวน์ทั้งประเทศ อาทิ อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ เอลซัลวาดอร์ เดนมาร์ก โปแลนด์ สหภาพยุโรป (อียู) เปรู มาเลเซีย ยูเครน เบลเยียม รวมถึงยังมีประเทศที่ปิดพื้นที่บางส่วน หรือการปิดชายแดนอย่างเดียวด้วย จึงสะท้อนให้เห็นว่าเราจะต้องตื่นตัวพร้อมกันทั้งประเทศ และคนไทยทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมเพราะอะไร

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 จากความจำเป็นที่จะต้องใช้ยา เวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหลาย โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมบัญชีกลาง สำนักงานอาหารและยา (อย.) องค์การเภสัชกรรม เพิ่มความสะดวก ในการอำนวยให้นำยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหลายเข้ามาได้อย่างสะดวกและถูกต้อง เพราะมียาและอุปกรณ์หลายอย่างที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ อาทิ ยา นำเข้ามาจากจีน ญี่ปุ่น โดยได้มีการประชุมแล้วได้ข้อสรุปว่า มีการกำหนดแนวทางปฎิบัติให้มีการผ่อนปรนระเบียบในการจัดซื้อจัดจ้างทางราชการ ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานนี้ก็มีมติให้การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ สำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโควิด-19 ทุกวงเงิน ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วนในการดำเนินการ

Advertisement

“สิ่งที่ทราบมาคือ ขณะนี้ได้สั่งซื้อผลิตภัณฑ์จำพวกเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ หน้ากาก N95 หรือชุดป้องกันตนเองต่างๆ อย่างละ 400,000 ชิ้น ซึ่งเชื่อว่าน่าจะได้ในเร็วๆ นี้ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ มีอุปกรณ์ในการป้องกันตนเอง โดยก็ได้เห็นว่าในประเทศอื่นที่พัฒนาแล้ว อาทิ อิตาลี สหรัฐ ก็มีการขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์เช่นกัน เพราะสถานการณ์ในขณะนี้ ถือว่าขาดแคลนไปทั่วทั้งโลก” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image