ในช่วงที่โลกวุ่นวายไปด้วยการระบาดของโควิด ทุกคนควรอยู่บ้านเพื่อป้องกันตัวเองและผู้อื่นให้ห่างโรค
หนังสือคือเพื่อนที่ดีสำหรับหลายคนที่รักการอ่าน
เพราะหนังสือคือความบันเทิง หนังสือคือความรู้
ผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายได้รับความรู้จากหนังสือ
ขณะเดียวกันบุคคลเหล่านั้นก็อุดมไปด้วยความรู้จากประสบการณ์
การได้สนทนากับบุคคลเหล่านั้นจึงเหมือนกับการได้อ่านหนังสือฮาวทูความสำเร็จ
เหมือนกับการได้อ่านตำรา
เหมือนดั่งก่อนหน้านี้ที่มีโอกาสพบปะกับ คุณไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
คุณไชยเป็นคนคิดบวก มีพลังสร้างสรรค์เสมอ
เป็นที่ทราบกันดีว่า คุณไชยศึกษาหลักบริหารตามวิถีตะวันออก
ชมชอบวิถีไทย ศึกษาวิถีพุทธ วิถีเซน และนำมาใช้ในการบริหาร
ระหว่างการสนทนา คุณไชยบอกเล่ามุมมองต่างๆ ให้ฟัง
รวมถึงหลัก “อิคิไก” ของประเทศญี่ปุ่น
หลักการนี้แสวงหาคำตอบว่า เราจะมีชีวิตอยู่กันไปทำไม
หลังการสนทนา กลับมาบ้านได้ค้นหาคำอธิบายหลักอิคิไกเพิ่มเติม
ทราบว่า คนเราต้องอยู่ภายใต้ส่วนผสม 4 ประการ
1.ความรัก 2.สิ่งที่ทำได้ดี 3.สิ่งที่มีผู้จ้างให้ทำ 4.สิ่งที่โลกต้องการ
ถ้ามีเฉพาะความรักกับสิ่งที่ทำได้ดี เราได้แค่ความหลงใหล
ถ้ามีเฉพาะสิ่งที่ทำได้ดีกับสิ่งที่ผู้จ้างให้ทำ เราได้แค่ความชำนาญ
ถ้ามีเฉพาะสิ่งที่มีผู้จ้างให้ทำ กับสิ่งที่โลกต้องการ เราได้แค่อาชีพ
ถ้ามีเฉพาะสิ่งที่โลกต้องการ กับความรัก กลายเป็นเพียงพันธกิจ
ถ้าไม่ได้ทำในสิ่งที่โลกต้องการ งานที่ทำก็แลดูไร้ค่า
ถ้าไม่ได้ทำในสิ่งที่รัก ชีวิตย่อมว่างเปล่า
ถ้าไม่ได้ทำในสิ่งที่มีผู้จ้างงาน ชีวิตขาดรายได้
ถ้าไม่ได้ทำในสิ่งที่ทำได้ดี ชีวิตก็ขาดความมั่นใจ
แต่ถ้าเรามีส่วนผสมทั้ง 4 อย่างครบถ้วนแล้ว เราก็จะ “อิคิไก”
เมื่อมีครบถ้วนเช่นนั้น ชีวิตก็จะตื่นขึ้นมาด้วยพลังที่จะก้าวเดินต่อไป
แค่แนวคิดที่คุณไชยเปรยให้ฟัง เมื่อมาค้นหาเพิ่มเติมก็ทำให้ได้อะไรดีๆ ในชีวิต
การสนทนากับผู้รู้ทำให้ชีวิตคึกคักกับเนื้อหาการสนทนา
อีกเรื่องที่ได้จากการสนทนาในวันนั้น คือ ความคิดเกี่ยวกับงานประกันชีวิต
ความคิดที่เดิมคนทั่วไปไม่ชื่นชอบ
ไม่ชื่นชอบเพราะคนมีมุมมองในแง่ร้าย
ดังนั้น จึงแก้ไขมุมมองดังกล่าวด้วยการเติมมุมมองในแง่บวกเข้าไป
เติมมุมมองที่ว่า การทำประกันชีวิตนั้นคือ “การให้” ไม่ใช่มุ่ง “เอาแต่ได้”
การทำประกันชีวิตคือการทำให้ผู้อื่น
วงเงินประกันที่ทำจะไปตกอยู่กับคนที่เรารัก
และคนที่เรารักก็จะมี “ความทรงจำ” ถึงเรา แม้วันที่เราจากไป
เมื่องานประกันชีวิตเปลี่ยนจากการเป็น “ผู้รับ” มาเป็น “ผู้ให้”
งานประกันชีวิตก็มีคุณค่า คนที่ทำงานประกันชีวิตมีคุณค่า
การชักชวนให้คนมาทำประกันชีวิต จึงเป็นการชวนให้คนหันมาทำอะไรเพื่อคนอื่น
และผลจากการทำให้คนอื่น ทำให้เรามีคุณค่า
หลักคิดแบบนี้ฟังแล้วเหมือนจะทำง่าย แต่หากย้อนกลับไปในยุคนั้น ต้องยอมรับว่าทำได้ยาก
แต่ในที่สุดไทยประกันชีวิตก็ทำได้สำเร็จ
คุณไชยเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ การพบปะพูดคุยกับคุณไชยทำให้มองเห็นคุณสมบัติของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
การได้สนทนากับคุณไชย ตอกย้ำว่าคนที่ประสบความสำเร็จนั้นมี “วิชาประจำตัว”
มีเป้าหมายเป็นของตัวเอง มีแนวทางที่ตัวเองทำแล้วบรรลุเป้าหมาย
และมีประสบการณ์จากการลงมือปฏิบัติ
การได้สนทนากับคุณไชย เหมือนได้อ่านตำรา
ไม่ได้เป็นตำราที่บอกแต่ทฤษฎี หากแต่เป็นเรื่องราวในระหว่างลงมือทำ
หลายเรื่องอาจไม่ได้มีการบันทึกไว้เป็นตัวอักษร
ทุกครั้งที่ได้สนทนากับผู้ประสบความสำเร็จจากงานที่ทำ จึงเป็นโอกาสของชีวิตที่จะได้รับข้อมูลดีๆ
การได้สนทนากับผู้ประสบความสำเร็จเหล่านี้เหมือนกับการได้อ่านหนังสือ
เป็นหนังสือที่อ่านครั้งใดก็ได้ไอเดียได้ความรู้
เพราะเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ยิน เป็นข้อมูลที่กลั่นออกมาจากประสบการณ์
เกิดจากการตกผลึกจากการทำงาน
กระทั่งกลายเป็นตำราแห่งชีวิตที่ฟังกี่ครั้งๆ ก็น่าประทับใจ