รื้อเอ็นจีวีแลกลดค่าโดยสารหลังปตท.แบกหลังแอ่นขาดทุนนับแสนล้าน
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้านโยบายการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ในระยะยาว หลังจาก บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) รับภาระส่วนต่างราคามากว่า 10 ปี ว่า ได้ประชุมนัดแรกร่วมกับนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลักระทรวงคมนาคม นายจิรุตน์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เบื้องต้นได้ข้อสรุปเห็นตรงกันว่า การพิจารณาสนับสนุนส่วนต่างราคาเอ็นจีวีของรถโดยสารสาธารณะจะต้องมีเงื่อนไขลดราคาค่าโดยสารให้กับประชาชน เนื่องจากผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงลดลงแล้ว นอกจากนี้ราคาก๊าซเอ็นจีวี สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล และรถบรรทุกจะปรับโครงสร้างราคาด้วยเช่นกัน ให้เหมาะสมและเป็นธรรม โดยปัจจุบันสัดส่วนการใช้ก๊าซเอ็นจีวีของรถยนต์ รถส่วนบุคคล และรถบรรทุก 70% อีก 30% เป็นรถโดยสาธารณะ อาทิ รถแท๊กซี่ ตุ๊กตุ๊ก รถตู้ร่วมขสมก. รถโดยสารมินิบัส สองแถวร่วมขสมก. รถตู้ร่วมบขส. ซึ่งรถใช้ก๊าซเอ็นจีวี มีส่วนช่วยลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก(พีเอ็ม 2.5)ได้ และราคาปัจจุบัน หากเป็นกลุ่มรถบรรทุกเติมก๊าซฯ ตามแนวท่อ จะได้รับราคาพิเศษอยู่แล้ว เพราะปตท.ไม่ต้องลงทุนสร้างปั๊ม หรือต้องขนส่งก๊าซฯ ไปบริเวณปั๊มแนวนอกท่อก๊าซฯ ซึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายมากกว่า
“ทุกฝ่ายเห็นตรงกันหมดว่า ต่อไปถ้าปตท.ช่วยส่วนต่างราคาค่าก๊าซเอ็นจีวีรถโดยสารสาธารณะ จะต้องนำมาลดค่าโดยสารให้ผู้โดยสารด้วย ไม่ใช้ให้ปตท.ช่วยส่วนต่างราคาแต่ไม่ได้นำมาลดค่าโดยสาร หลังจากนี้ปตท.จะกลับไปคิดสูตรผูกต้นทุนราคาว่าจะเป็นอย่างไร และจะนำกลับมาหารือร่วมกับคณะทำงานฯ หากได้ข้อสรุปทั้งหมดจะมีการเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมกาบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อเห็นชอบรายละเอียดทั้งหมด คาดว่าจะเสร็จภายใน 3 เดือนจากนี้ ตามนโยบายนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน”นายกุลิศกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปตท.อุดหนุนราคาก๊าซเอ็นจวีให้กับรถโดยสารสาธารณะตั้งแต่ปี 2555 ส่งผลให้ปตท.แบกภาระขาดทุนจากธุรกิจเอ็นจีวีหลักแสนล้านบาท ล่าสุดคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีมติเห็นชอบลดราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีให้กับกลุ่มรถโดยสารสาธาร 3 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จากเดิมกก.ละ 13.62 บาท เหลือกก.ละ 10.62 บาท เวลา 3 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – มิถุนายน 2563 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของกลุ่มรถโดยสารสาธารณะจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คิดเป็นมูลค่าที่ปตท.รับภาระประมาณ 300 ล้านบาท ครอบคลุมรถโดยสารสาธารณะ 80,000 คัน ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล รถแท๊กซี่ ตุ๊กตุ๊ก รถตู้ร่วมขสมก. รวมถึงในพื้นที่ต่างจังหวัดครอบคลุมรถโดยสารมินิบัส สองแถวร่วมขสมก. รถตู้ร่วมบขส. และรถแท๊กซี่
