ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ รองประธานหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง หอการค้าไทย เปิดเผยถึงกรณีรัฐบาลมีแนวคิดออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินวงเงิน 2 แสนล้านบาทเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ขณะนี้ ไม่ใช่เพียงแต่รัฐที่ต้องช่วย แต่มหาเศรษฐีไทย 1-10 อันดับแรก ควรต้องเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ซึ่งต้องมีการลงขันในระดับ 10-20 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการแพร่ระบาดหนัก ต้องออกมาช่วยก่อนที่มันจะหนักไปมากกว่านี้ คนละ 400-500 ล้านบาท เพื่อให้ประเทศอยู่ได้ก่อน ซึ่งส่วนตัวคิดว่า คงไม่สะดุ้งสะเทือนนัก เพราะมีทรัพย์สินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ช่วยให้รัฐบาลมีเงินราวๆ 10,000 ล้านบาทก็เพียงพอแล้ว
“การปิดเมืองทำได้แค่กี่วัน อย่างเก่งก็ได้ถึงสิ้นเดือนเมษายน 2563 ซึ่งจากนั้นหากกลับสู่เหตุการณ์ปกติแล้วเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหม่เหมือนกรณีเมืองอู่ฮั่นของจีน จะทำอย่างไร ดังนั้น รัฐบาลจึงควรสร้างยุทธศาสตร์รอไว้เลย ที่ผ่านมาเราอาจจะคิดเพียงว่าเรื่องเลวร้ายต่างๆ มันยังไม่เกิดขึ้น จึงไม่มีการตั้งแผนรับมือ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร ซึ่งไม่ได้จะพูดเพื่อซ้ำเติม แต่ขอให้จากนี้ไป เหตุการณ์เลวร้ายหากมันไม่เกิดขึ้นก็โชคดีไป แต่ถ้าเกิดขึ้นเราก็พร้อมที่จะรับมือ” ว่าที่ ร.อ.จิตร์ กล่าว
ว่าที่ ร.อ.จิตร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในช่วงภาวะวิกฤตนี้ อยากขอให้กิจการฟู้ดเดลิเวอรี่ทั้งหลาย แบ่งเปอร์เซ็นจากร้านอาหารน้อยกว่าที่เป็นอยู่จากเดิมที่ 20-30% ให้เหลือ 5-10% เนื่องจากมีการแบ่งเปอร์เซ็นระหว่างกิจการฟู้ดเดลิเวอรี่ และร้านอาหารนี้ ทำให้ร้านอาหารเฉลี่ยต้นทุน ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่คุณลดลง หรือมีปริมาณที่น้อยลง ซึ่งช่วงนี้ขอว่า อย่าเอารัดเอาเปรียบกันเลย จากสัดส่วนเปอร์เซ็นที่แบ่งกับร้านค้าขณะนี้ มองว่า มันโหดร้ายเกินไป นอกจากนี้ มองว่า หลังผ่านพ้นช่วงวิกฤตโควิด-19 ทุกคนจะทรานฟอร์มตัวเองไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น จึงเรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส จากที่มีความพยายามที่จะผลักดันกันอย่างต่อเนื่อง
