นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียน จำนวน 6,407 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 30,298 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 597 ราย รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 332 ราย และ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร 191 ราย
ทั้งนี้ ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุนมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มี4,713 ราย คิดเป็นร้อยละ 73.56 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท 1,599 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.96 ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มี84 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.31 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท 11 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17
ทำให้ ธุรกิจจัดตั้งใหม่สะสม 2 เดือนแรกปี 2563 มีจำนวน 13,349 ราย เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่ลดลง 525 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนสะสม 46,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,003 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35
นายวุฒิไกร กล่าวว่า ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ เดือนกุมภาพันธ์ มีจำนวน 815 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 6,026 ล้านบาท โดย ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 104 ราย รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 51 ราย และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร 21 ราย
ทั้งนี้ ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุนเลิกประกอบกิจการ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท 563 ราย คิดเป็นร้อยละ 69.08 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท 223 ราย คิดเป็นร้อยละ 27.36 ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท 26 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.19 ช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มี 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.37
ทำให้ ธุรกิจเลิกสะสม 2 เดือนแรกปี 2563 มี 2,222 ราย เพิ่มขึ้น 9 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.4 มูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจเลิกสะสม 9,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,933 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42 ทำให้ ณ วันที่ 29 ก.พ. 2563 ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ 757,178 ราย มูลค่าทุน 18.42 ล้านล้านบาท
นายวุฒิไกร กล่าวว่า เดือนกุมภาพันธ์ ได้มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจ น 59 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 20 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 39 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุน 16,840 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2563 จำนวนเพิ่มขึ้น 9% เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 301 % นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น 17 ราย เงินลงทุน 1,311 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ 10 ราย เงินลงทุน 1,756 ล้านบาท และเกาหลีใต้ 4 ราย เงินลงทุน 188 ล้านบาท