เอกชนขานรับมาตรการ Work From Home ลดเสี่ยงแพร่ระบายโควิด-19
Work From Home นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกันจึงจะสามารถผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ โดยที่ผ่านมา หอการค้าไทยและเครือข่ายทั่วประเทศก็ร่วมรณรงค์และให้ความร่วมมือตามแนวทางที่ภาครัฐกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่ขอความร่วมมือให้มีการลดความแออัดในสถานที่ทำงาน หรือให้ทำงานจากที่บ้าน เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายเชื้อโรค ซึ่งหอการค้าไทยเห็นว่าเป็นแนวทางที่ดีและสนับสนุนแนวทางดังกล่าวอย่างเต็มที่
“หอการค้าไทยได้มีการหารือแนวทางเตรียมรับมือสถานการณ์ COVID-19 ตั้งแต่ช่วงที่เริ่มมีข่าวการแพร่ระบาด พร้อมติดตามเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่อง และได้ทดลองให้เจ้าหน้าที่บางส่วนทำงานที่บ้าน (Work From Home) ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนั้น ยังได้ร่วมมือกันรณรงค์ไปยังเครือข่ายภาคเอกชน เพื่อปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว อาทิ หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ สมาคมการค้าต่าง ๆ หอการค้าต่างประเทศ สมาคมธนาคารไทย รวมทั้งบริษัทสมาชิก โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง อาทิ เอสซีจี ธนาคารกสิกรไทย มิตรผล ไทยเบฟเวอเรจ ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ฯลฯ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยลดโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อโรคลงได้” นายกลินท์ กล่าว
ทั้งนี้ หอการค้าไทยได้นำเสนอแนวทางการรับมือกับสถานการณ์ COVID-19 ไปยังสมาชิกและหอการค้าจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้มีการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวแล้ว เช่น จังหวัดนนทบุรี นครราชสีมา ลำปาง ขอนแก่น เป็นต้น โดยมาตรการที่หอการค้าไทยเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับสำนักงาน ได้แก่
- กำหนดสัดส่วน Work From Home เป็นข้อกำหนดที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ เช่น เริ่มต้นที่มากกว่า 80% หรือ 100% โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพนักงานที่เดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ เป็นต้น
- จัดที่นั่งให้ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร
- งดการจัดประชุมหรือเข้าร่วมประชุมในกลุ่มที่มีคนจำนวนมาก
- มีระบบการคัดกรองที่สำนักงาน และการรายงานผู้มีความเสี่ยง รวมทั้งการสื่อสารแนวทางการดูแลตนเอง และการเฝ้าระวัง
- มีการจัดเตรียมระบบการสื่อสารสำหรับ Work From Home
- เพิ่มรอบทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อ
- ห้ามพนักงานเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง และหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ
- มีการกำหนด Critical Function และจัดตั้ง Crisis Team เพื่อติดต่อสื่อสารและรายงานกรณีพบผู้ติดเชื้อ