“EA” มั่นใจปี63 ธุรกิจไปได้สวย แต่ไม่ประมาทเล็งออกหุ้นกู้ 15,000 ล้าน สำรองเงินทุน

นายอมรทรัพย์ ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทพลังงานบริสุทธิ์จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ว่าจะเห็นการเติบโตอีกครั้งหลังจากที่บริษัทฯประสบความสำเร็จจากธุรกิจพลังงานทดแทนโดยมีโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และพลังงานลมขนาดกำลังการผลิตรวม 664 เมกะวัตต์และโรงงานผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ซึ่งในปี 2563 นี้จะเริ่มเห็นผลประกอบการจากธุรกิจใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงานมาต่อยอดธุรกิจเดิมและสร้างเป็นระบบนิเวศน์รองรับทิศทางในอนาคต

“สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจปีนี้นอกจากจะมีผลประกอบการเติบโตจากการรับรู้รายได้ของธุรกิจไฟฟ้าเต็มปีแล้วจะได้เริ่มเห็นผลประกอบการจากลงทุนในธุรกิจใหม่ๆที่จะทยอยเข้ามาตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีนี้เป็นต้นไป ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะหรือBio-PCM ที่เป็นนวัตกรรมและเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทสินค้าที่ผลิตได้จะเริ่มส่งออกตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป, ส่วนเรือไฟฟ้าที่จะให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยา ผลิตเรือต้นแบบเสร็จเรียบร้อย รอการทดสอบ ขณะเดียวกันก็ได้เริ่มผลิตเรือล็อตต่อไปแล้ว คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ทันทีหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย, สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าบริษัทได้เริ่มทำการผลิตแล้ว และอยู่ระหว่างการวางแผนร่วมกับลูกค้าเพื่อทำแผนการส่งมอบให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 และสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ได้ทยอยเปิดให้บริการเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะเตรียมความพร้อมรองรับการใช้งานของยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทที่จะเติบโตขึ้นต่อไป” นายอมรกล่าว

อนึ่งภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,082 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18 % จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 5,148 ล้านบาทซึ่งหากไม่นับรวมกำไรทางบัญชีที่เกิดจากการรวมกิจการ AmitaTechnologies Inc ไต้หวันที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1/2561 จำนวน 895 ล้านบาท จะทำให้ปี 2562 มีกำไรจากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 49% โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 14,955 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 12,490 ล้านบาทและจะมีรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 29% นับเป็นสถิติสูงที่สุดของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ในการพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท โดยจ่ายจากกำไรสะสมสำหรับกิจการที่ไม่ได้รับส่งเสริมการลงทุนรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,119 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 28.63 ของกำไรสุทธิตามงบเฉพาะกิจการ พร้อมกับเตรียมที่จะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการออกหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ถือเป็นการขออนุมัติไว้ล่วงหน้าเพื่อเป็นทางเลือกสำรองไว้สำหรับการปรับโครงสร้างทางการเงิน ชำระเงินกู้เดิมของบริษัทฯและใช้ในการดำเนินงานหรือเป็นเงินทุนและสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทในเครือ ทั้งนี้ขึ้นกับความเหมาะสมของสถานการณ์ในอนาคตอีกด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image