นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า ผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนจาก 20 บริษัท ต่อมุมมองในด้านการลงทุนปี 2563 โดยปัจจัยระยะสั้นที่มีผลต่อการขับเคลื่อนตลาดในไตรมาส 2 นี้ ให้น้ำหนักไปที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยหลัก ที่มีอิทธิพลต่อทิศทางราคาหุ้นไทยระยะสั้น รองลงมาคือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และผลประกอบการ คาดว่าดัชนีราคาหุ้นไทย ณ สิ้นไตรมาส 2/2563 เฉลี่ยจะอยู่ที่ 1,118 จุด โดยคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (อีพีเอส) ของตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 79.70 บาท และทั้งปีนี้เฉลี่ยติดลบ 9.93% ส่งผลให้คาดการณ์จุดต่ำสุดของดัชนีหุ้นไทยในช่วงเดือนเมษายนนี้จนถึงสิ้นปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 954 จุด และจุดสูงสุดเฉลี่ยที่ 1,323 จุด ส่วนเป้าหมายดัชนี ณ วันสิ้นปี 2563 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่1,276 จุด ซึ่งน้อยกว่าผลสำรวจในไตรมาส 1/2563 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 1,679 จุด รวมถึงคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวม(จีดีพี) ไทย ทั้งปีนี้จะติดลบที่ 0.6% ส่วนเศรษฐกิจปี 2564 จะขยายตัวอยู่ที่ 2.94% ทางด้านราคาน้ำมัน คาดว่าราคาน้ำมันดิบปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 39.26 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
“ปัจจัยระยะยาวที่ส่งผลบวกต่อดัชนีหุ้นไทยในปี 2563 ได้แก่ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยระยะยาวที่ส่งผลลบต่อดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ ได้แก่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 และเศรษฐกิจภายในประเทศ ตามมาด้วยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าปัจจัยทางด้านการเมืองในต่างประเทศนั้นไม่มีผลมากนัก” นายสมบัติกล่าว
นายสมบัติกล่าวว่า สำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ส่วนใหญ่คาดว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ลงอีก 0.25% และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เสนอให้ภาครัฐใช้นโยบายการคลัง โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนให้มีกำลังซื้อ อาทิ ชดเชยรายได้ การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ลดค่าน้ำ–ไฟฟ้า–โทรศัพท์ รวมทั้งเสนอให้ภาครัฐช่วยเหลือภาคธุรกิจ อาทิ การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือการชดเชยอื่นๆ ที่เป็นรูปธรรมให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบด้วย ในส่วนของคำแนะนำในการลงทุน 39% แนะนำให้ถือเงินสดและเงินฝากระยะสั้น, 21% แนะนำลงทุนในหุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย และ 13% แนะนำลงทุนต่างประเทศหรือกองทุนต่างประเทศ โดยมี 5 หุ้นเด่น ที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกัน 5 สำนักขึ้นไป ได้แก่ 1.แอดวานซ์ 2.ซีพีออลล์ 3.ซีพีเอฟ 4.อินทัช 5. ราชกรุ๊ป