รายงานจากกลุ่มธนาคารฯ ระบุว่า จะบริจาคเงิน 25 ล้านเหรียญสหรัฐทันที เพื่อใช้ในภารกิจบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วนจากการแพร่ระบาดในประเทศที่ได้รับผลกระทบในระดับสูง โดยในระยะกลางได้จัดสรรงบประมาณอีก 25 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยภาคส่วนต่างๆ ในการฟื้นตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากระบาดของไวรัสนี้ ซึ่งเป็นกองทุนมาจากเงินบริจาคที่จะได้รับจากพนักงานและผู้บริจาคอื่นๆ และธนาคารจะสมทบเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 50 ล้านเหรียญสหรัฐของกองทุน ซึ่งคณะกรรมการและผู้บริหารของกลุ่มธนาคารฯ จะร่วมบริจาคด้วยเงินส่วนตัวเพื่อเข้ากองทุนนี้อีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทที่เข้าข่ายจะได้รับการสนับสนุนนี้ ได้แก่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายในธุรกิจด้านยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงบริษัทที่อยู่ในธุรกิจอื่นๆ ที่อาสาจะนำกำลังการผลิตของตนมาใช้ผลิตสินค้าเวชภัณฑ์ต่างๆ โดยสินค้าที่อยู่ในขอบข่าย ได้แก่ เครื่องช่วยหายใจ หน้ากากอนามัย อุปกรณ์ป้องกันทางการแพทย์และอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัย ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐจะมีการแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป
นางสาวจูดี้ ซู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า ธนาคารจะนำเงินจากกองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มอบแก่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเร่งด่วนในปัจจุบัน ในขณะเดียวกัน กองทุนนี้จะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเพื่อให้ทุกภาคส่วนฟื้นตัวกลับมาได้ในอนาคต
” กองทุน 50 ล้านเหรียญสหรัฐนี้เป็นงบเพิ่มเติมจากงบประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐที่กลุ่มธนาคารฯ ได้แสดงเจตจำนงค์จะสนับสนุนธุรกิจที่มีเป้าหมายจะแก้ปัญหาโรคระบาดนี้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคเอเชียมากว่า 160 ปี เรากำลังเผชิญสถานการณ์นี้ร่วมกัน และเราจะทุ่มเทศักยภาพและความสามารถของเราเพื่อความปลอดภัยในระยะยาวและเพื่อความก้าวหน้าของสังคม” นางสาวจูดี้ กล่าว