วันที่ 2 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ1,105.51 จุด ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,114.62 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,138.27 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 32.76 จุดหรือ 2.96% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,142.47 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,105.31 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่69,237.21 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,844.79 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 807.37 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 634.48 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ2,018.04 ล้านบาท โดยดัชนีลบมากสุด 0.20 จุด บวกมากสุด 36.96 จุด
โดยนายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปิดบวกแรง ตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเดียวกัน ยกเว้นตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลจีนเตรียมซื้อน้ำมันเข้าคลังสำรองฉุกเฉิน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำกว่า 20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาร่วงลงอย่างหนักถึง 60% จากความกังวลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สนับสนุนให้หุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเครมี อาทิ พีทีที. พีทีทีอีพี, พีทีทีจีซี ฟื้นตัวได้ รองลงมาเป็นกลุ่มสื่อสาร อาทิ แอดวานซ์ และค้าปลีกอาทิ ซีพีออลล์ ส่วนประเด็นในประเทศ ได้แก่ การที่รัฐเตรียมประกาศห้ามบุคคล ออกนอกเคหะสถานทั่วประเทศในช่วงเวลา ประมาณ 22.00-04.00 น. ซึ่งจะเริ่มใช้ในวันที่ 3 เมษายนนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อดัชนีมากนัก เนื่องจากตลาดรับรู้ข่าวลบมาก่อนหน้านี้แล้ว
“สำหรับแนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้คาดว่า ดัชนีแกว่งตัวผันผวนขึ้น โดยมีปัจจัยที่ติดตามเป็นเรื่องผู้ติดเชื้อโควิด-19 และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐระยะ 3 และระยะ 4 วงเงิน 3 แสนล้านถึง 1 ล้านล้านบาท รวมถึงมาตรการควบคุมการสกัดโควิด-19 ด้านกลยุทธ์การลงทุน ให้เน้นลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อนค่า โดยประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ระดับ 1,100 จุด แนวต้านที่ 1,169 จุด หากสามารถผ่านแนวต้านสำคัญดังกล่าวไปได้ จะเป็นบรรยากาศเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย” นายฐกฤตกล่าว
