แสนสิริเปิดกลยุทธ์ “Going Strong” เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รักษาอันดับหนึ่งผู้นำตลาด แกร่งด้วยเป้ายอดขายไตรมาสสอง 7,700 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ “แสนสิริผ่อนให้ สูงสุดถึง 24 เดือน” ใน 62 โครงการพร้อมอยู่ทั่วประเทศ เป็นเจ้าของบ้านได้ในราคาเริ่มต้น 990,000 บาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า จากภาพรวมดีมานต์ที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการตอบรับในการนำเสนอแคมเปญที่เข้าถึงและตอบรับเรียลดีมานต์ของลูกค้าแสนสิริได้เป็นอย่างดีในช่วงไตรมาสแรก ล่าสุดบริษัทจึงได้เปิดตัวกลยุธ์ Going Strong ซึ่งมาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดในช่วงเวลาท้าทาย จนเป็น top of mind แบรนด์ที่ลูกค้านึกถึงเป็นแบรนด์แรกเมื่อต้องการมีบ้าน ซึ่งพิสูจน์ความสำเร็จจากยอดขาย 11,000 ล้านบาท พร้อมการก้าวสู่อันดับ 1 ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ ในไตรมาสแรกมาแล้ว จากกลยุทธ์ความแข็งแกร่ง ความเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบัน และความเข้าใจใน Customer Insight บริษัทจึงได้นำแคมเปญ “แสนสิริผ่อนให้ สูงสุดถึง 24 เดือน” เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีบ้านง่าย ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนที่อยู่อาศัย สบายใจได้นานตลอดระเวลา 2 ปี และสามารถนำเงินไปใช้จ่ายอื่นได้ เพราะแสนสิริผ่อนให้ทั้งต้น ทั้งดอก นานสูงสุด 24 เดือน ครอบคลุมถึง 62 โครงการพร้อมอยู่ ทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอดีๆ อีกมากมาย อาทิ ฟรีค่าส่วนกลางนานสูงสุด 1 ปี พร้อมรับ Give Voucher สูงสุด 100,000 บาท สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม และฟรีค่าส่วนกลางนาน 2 ปี สำหรับคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่จากแสนสิริตั้งแต่ 3 เมษายน จนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้
“สถานการณ์อสังหาฯ ในช่วงไตรมาส 2 กลุ่มลูกค้ายังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง ขณะที่มีการตัดสินใจมากขึ้น จากสถานการณ์ โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต อาทิ อยากมีบ้าน แต่ไม่มีเงินก้อน, กังวลเรื่องการมีภาระค่าใช้จ่าย, กังวลเรื่องการจ่ายค่าโอน, กังวลเรื่องการกู้และไม่มีเงินผ่อน และมีความกังวลในเรื่องของเงินหมุนเวียนเมื่อต้องผ่อนที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังพบว่ามี New Demand จากกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการที่ต้องการมีบ้านเพื่อแยกครอบครัว หรือต้องการบ้านที่มีพื้นที่กว้างขี้นเพื่อครอบครัว ซึ่งเป็นผลจากไลฟ์สไตล์ในรูปแบบ Social Distancing ในปัจจุบัน บริษัทจึงได้เปิดแคมเปญเพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับที่ผ่านมา” นายอุทัย กล่าว
นายอุทัยกล่าวว่า สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ในแคมเปญ แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือนไว้ อาทิ คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 990,000 บาท ที่เข้าร่วมแคมเปญ ได้แก่ ดีคอนโด กำแพงแสน, ดีคอนโด แคมปัส โดม รังสิต, ดีคอนโด หาดใหญ่, ดีคอนโด บลิซ ศรีราชา, เดอะ ไลน์ วงศ์สว่าง, เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์,เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101, เดอะ เบส เพชรเกษม, เดอะ เบส สุขุมวิท 50, เดอะ เบส ไฮท์ อุดรฯ, คาวะ เฮาส์ และ ลา กาซิตา หัวหิน รวมทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมพร้อมอยู่จากแสนสิริ ทั้งแบรนด์ สิริ เพลส เมท ทาวน์และ ทาวน์ อเวนิว, บ้านเดี่ยวแบรนด์ คณาสิริ, ฮาบิเทีย, สราญสิริ, บุราสิริ, เศรษฐสิริ รวมถึงนาราสิริ พระราม 2 เป็นต้น
นายอุทัยกล่าวว่า บริษัทยังรุกการขายผ่าน Multi-channel ซื้อขายครบในทุกช่องทาง เพื่อตอบโจทย์คนอยากมีบ้านในยุคโควิด อาทิ แสนสิริ ไลน์ ออฟฟิเชียล,Facebook : Sansiri PLC , เว็บไซต์www.sansiri.com, และในช่องทางใหม่ “24 Hrs. Online Booking” พรีเซลแบบออนไลน์เรียลไทม์ 100% ครั้งแรกในไทยที่ประสบความสำเร็จจากการนำร่องเปิดขายที่โครงการ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค ในสัปดาห์ที่ผ่านมาและเปิดขายในคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่อีก 10 โครงการขณะที่ การเปิดการขายที่ Sale Gallery บริษัทได้เตรียมความพร้อมให้แก่ลูกค้า ในการเข้าเยี่ยมชมโครงการ ด้วยแนวทาง “Sansiri Care เพราะเราห่วงใย”เพื่อความอุ่นใจและมั่นใจในมาตรการป้องกันและดูแลในภาวะเฝ้าระวังในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสุงสุด
“บริษัทเชื่อมั่นว่า จะได้รับการตอบรับจากการจัดแคมเปญที่ดีเช่นเดียวกับไตรมาสแรก ด้วยความโดดเด่นของแคมเปญที่คิดมาเพื่อลูกค้า ตอบโจทย์ทุกความกังวลและตอบรับความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด ซึ่งเมื่อรวมกับจุดแข็งที่แตกต่างของแสนสิริ ทั้งในด้านคุณภาพ ดีไซน์ รวมถึงการบริการหรือ Sansiri Service จากการมอบบริการที่ดีที่สุดทั้งก่อนและหลังการขาย ยังรวมถึง LIV-24 ที่ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง มาตรฐานแสนสิริที่พร้อมดูแลทุกจุดในโครงการพร้อมพริวิเล็จมากมายจากแสนสิริ แฟมิลี่ รวมถึงการผนึกพันธมิตรสถาบันการเงินต่างๆ ที่ร่วมให้คำปรึกษาเพื่อให้ลูกค้ามีบ้านได้ง่าย ทำให้มั่นใจว่าลูกค้าจะให้การตอบรับในที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์แสนสิริอย่างแน่นอน เพื่อความพร้อมในการส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพตอบรับความต้องการของคนอยากมีบ้านในทุกสถานการณ์โดยบริษัทวางเป้าหมายยอดขายในช่วงไตรมาส 2 ไว้ประมาณ 7,700 ล้านบาท”นายอุทัยกล่าว
