กรมบัญชีกลางเพิ่มเติมหลักเกณฑ์อัตราค่ารักษาพยาบาล กรณีโควิด-19 พักฟื้นเบิกวันละ 1,500 บาท ค่าส่งตัวครั้งละ 3,700 บาท
นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางรับแจ้งว่า กรณีสถานพยาบาลของทางราชการหลายแห่งมีสถานที่ไม่เพียงพอต่อการรักษาพยาบาลและได้จัดหาสถานที่อื่น ๆ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เช่น เช่าหรือใช้สถานที่จากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อส่งตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อาการดีขึ้นไปพักฟื้นในสถานที่ดังกล่าว จนกว่าจะกลับสู่สภาวะปกติและสามารถกลับบ้านได้
ทั้งนี้เดิมเงื่อนไขการใช้สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลในระบบเบิกจ่ายตรงประเภทผู้ป่วยนอก กำหนดการจัดส่งยาโดยให้ใช้ระบบไปรษณีย์ตอบรับปลายทางเท่านั้น กรมบัญชีกลางจึงออกหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในสถานพยาบาลของทางราชการกรณีผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวเสี่ยงหรือติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีกฉบับที่ 2 ดังนี้ ผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวที่ติดเชื้อโควิด-19 หากแพทย์ผู้รักษาเห็นว่า อาการดีขึ้นสามารถส่งตัวไปพักฟื้น ณ สถานที่ที่สถานพยาบาลของทางราชการได้จัดหาไว้เป็นการเฉพาะ เช่น สถานพยาบาลสนาม หอผู้ป่วย โควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,500 บาทต่อวัน และในกรณีที่สถานพยาบาลของทางราชการมีความจำเป็นต้องส่งตัวผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวที่ติดเชื้อโควิด-19 ผู้มีสิทธิมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการนอกเหนือจากค่าพาหนะส่งต่อ รายการค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล และค่าบริการทำความสะอาดฆ่าเชื้อบนรถพาหนะส่งต่อ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 3,700 บาท ต่อครั้งที่มีการส่งต่อ
สำหรับการจัดส่งยาให้ดำเนินการได้ด้วยวิธี ดังต่อไปนี้ จัดส่งยาให้ผู้ป่วยโดยตรง โดยใช้ไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือไปรษณีย์ด่วนพิเศษ หรือไปรษณีย์ตอบรับปลายทาง โดยให้เก็บเลขพัสดุที่จัดส่งไว้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ จัดส่งยาไปยังหน่วยบริการปฐมภูมิหรือสถานที่ที่สถานพยาบาลของทางราชการได้จัดเตรียมไว้ และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ส่งมอบยาให้ผู้ป่วย โดยให้ออกใบรับยาไว้เป็นหลักฐานเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ
ส่วนการใช้สิทธิในระบบเบิกจ่ายตรงประเภทผู้ป่วยนอก หากผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวไปแสดงตน ณ สถานพยาบาลของทางราชการ การทำธุรกรรมผ่านเครื่องรับรายการบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) อาจใช้บัตรประจำตัวประชาชนหรือใช้เลขประจำตัวประชาชนได้
