‘จุรินทร์’สั่งทูตพาณิชย์ทั่วโลก จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเชิงรุกผ่านช่องออนไลน์

‘จุรินทร์’สั่งทีมทูตพาณิชย์ 58 แห่งทั่วโลก เพิ่มกิจกรรมออนไลน์ ให้คำแนะนำส่งออก หาช่องทางจำหน่ายสินค้าไทย และจัดเจรจาออนไลน์จับคู่ธุรกิจ หนุนผู้ส่งออกรับมือโควิด

เมื่อวันที่ 5 เมษายน นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้หน่วยงานราชการในสังกัดปรับแผนภารกิจรองรับการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการและประชาชน ทั้งนี้เพื่อรองรับศูนย์ปฏิบัติการของนายกรัฐมนตรีในระยะต่อไป โดยล่าสุดให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กับ สำนักงานส่งเสริมการค้าในประเทศ (สคต.) หรือทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ จำนวน 58 แห่งทั่วโลก จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเชิงรุกผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งการให้คำแนะนำเรื่องการส่งออก หรือ Online export clinic การหาช่องทางจำหน่ายให้กับสินค้าไทย และการจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ หรือ Online business matching เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยด้านการส่งออก ตลอดจนให้คำแนะนำด้านการขยายตลาดส่งออกในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องของการเดินทางและการจัดกิจกรรมต่างๆ

นางมัลลิกา กล่าวว่า รายงานจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศนั้น สำหรับการจัด Online export clinic เบื้องต้นที่กำหนดไว้ในช่วงเดือนเม.ย.- มิ.ย.2563 จะเป็นการให้คำแนะนำเกี่ยวกับโอกาสทางการค้า การดำเนินธุรกิจในตลาดเมียนมา ตลาดอินเดีย ตลาดตะวันออกกลาง และตลาดแอฟริกา ในกลุ่มสินค้าประเภทอาหาร เครื่องสำอาง และวัสดุก่อสร้าง โดยทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ที่กรุงย่างกุ้ง เมืองมุมไบ เมืองดูไบ และกรุงไคโร เป็นต้น

เช่น กิจกรรมจับคู่เจรจาการค้ากับแพลตฟอร์ม คลัง.com ผ่านระบบ Tele-Conference ในวันที่ 8 เม.ย. 2563 เพื่อคัดเลือกสินค้าไปจำหน่ายในร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มดังกล่าว เน้นสินค้าอาหารแฟชั่น สุขภาพและความงาม ของประดับตกแต่งบ้าน กิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าผ่านระบบ Tele-Conference กับห้าง AEON ประเทศมาเลเซีย ในเดือนพ.ค.2563 เพื่อคัดเลือกสินค้าอาหารเข้าไปจำหน่ายในห้าง กิจกรรม Sourcing สินค้าไทยผ่านระบบ VDO Conference ในช่วงเดือนพ.ค.–มิ.ย.2563 เพื่อคัดเลือกสินค้าอาหาร เครื่องสำอาง วัสดุก่อสร้าง ไปจำหน่ายในตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา โครงการส่งเสริมสินค้าไทยผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ในเกาหลีใต้ อาทิ Coupang, SSG, Naver, Interpark, Gmarket และ 11st ในช่วงเดือนพ.ค.–ก.ย.2563 เพื่อคัดเลือกสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยวไปจำหน่าย

ส่วนการจัด Online Business Matching เน้นการจัดกิจกรรมโดยเชิญผู้นำเข้าและผู้ส่งออกหลายราย มาเข้าร่วม เช่น กิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าผ่านระบบ Tele-Conference กับผู้นำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ชาวเกาหลีใต้ ซึ่งมีความสนใจนำเข้าชิ้นส่วนจากไทยเพื่อทดแทนสินค้าจากแหล่งนำเข้าเดิม ในเดือนเมษายนกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าผ่านระบบ Tele-Conference กับผู้นำเข้าข้าว ผลไม้ สปา และรองเท้า ในตลาดอินเดีย เดือนมิ.ย.2563 กิจกรรมจับคู่ธุรกิจผ่านระบบ Tele-Conference กับผู้นำเข้าอาหาร เครื่องสำอาง และวัสดุก่อสร้าง ในตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา ช่วงเดือนพ.ค.–มิ.ย.2563 และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจสินค้าฮาลาล จำนวน 2 ครั้ง ในช่วงเดือนมิ.ย.และส.ค.2563 ทั้งนี้ระบบการจัดการจะเป็นแบบออนไลน์ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้
         
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการสามารถควรติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆ และผลกระทบในมิติการค้ากับประเทศไทยอย่างใกล้ชิดได้โดยกระทรวงพาณิชย์และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั้ง 58 แห่ง ใน 41 ประเทศ รายงานความคืบหน้าของสถานการณ์เป็นรายวัน โดยรวบรวมไว้ ณ “ศูนย์ข้อมูลสถานการณ์การค้าจากผลกระทบไวรัส COVID-19” บนเว็บไซต์ของกรมฯ ที่ www.ditp.go.th ทั้งนี้ การติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างสม่ำเสมอและทันท่วงทีจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือ ปรับกลยุทธ์ จัดแผนรองรับเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ไม่สบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์เน้นให้ผู้ประกอบการสามารถเดินหน้าธุรกิจส่งออกได้นอกเหนือจากการประสานงานมาตรการอื่นๆรองรับจากรัฐบาลก่อนหน้านี้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image