‘เอไอเอส’ ใจป้ำควัก 100 ล้านบาท หนุนหมอ-พยาบาลใช้ 5G สู้โควิด-19

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี ที่เอไอเอสมีการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง กระทั่งขยับมาเป็นดิจิทัลไลฟ์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ และผู้นำเทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศไทย โดยเอไอเอสเล็งเห็นว่า เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนไทยและประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะนี้ ซึ่งขอยืนยันว่า เอไอเอสจะดูแลโครงข่ายซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างดีที่สุด เพื่อให้สามารถดูแลลูกค้าให้สามารถใช้งานได้อย่างดีและต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนก้าวผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

นายสมชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ ในสถานการณ์วิกฤต ช่วงที่ผ่านมาเอไอเอสมีการขับเคลื่อนใน 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.การดูแลลูกค้า โดยเน้นการวางแผนด้านโครงข่าย ซึ่งมีการมอนิเตอร์อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์เคลื่อนที่ (โมบายบรอดแบนด์) และอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ประจำที่ (ฟิกส์บรอดแบนด์) ให้มีคุณภาพ โดยมีการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่าย (คาปาซิตี้) ขึ้น 3 เท่า จากโครงข่ายเดิมที่มีการใช้งานปกติ เนื่องจากปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 20% จากโมบายบรอดแบนด์ ที่เพิ่มขึ้น 15% และฟิกส์บรอดแบนด์ ที่เพิ่มขึ้น 25% รวมถึง มีการพัฒนาช่องทางออนไลน์ ซึ่งสถานการณ์นี้ถือเป็นโอกาสในการกระตุ้นให้ลูกค้าเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โดยหันมาใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มีจัดการประกันภัยที่คุ้มครองการติดไวรัสโควิด-19 ให้กับลูกค้า และจัดแพ็คเกจ โปรโมชั่นต่างๆ เพื่อสนับสนุนมาตรการการทำงานจากที่บ้าน หรือเวิร์กฟรอมโฮม ของรัฐบาล

2.การบริหารองค์กรและพนักงาน ซึ่งพนักงานถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะการที่เอไอเอสเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมได้ทุกวันนี้ มาจากพนักงานและบุคลากรทุกคน โดยผู้บริหารเอไอเอสรวมถึงคณะกรรมการของบริษัท ได้ให้นโยบายอย่างชัดเจนว่า ความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดีของพนักงานเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยมีการดำเนินการตามมาตราการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อย่างเคร่งครัด และจากจำนวนพนักงาน 12,000-13,000 คน มีการดำเนินงานตามมาตรการเวิร์กฟรอมโฮมแล้ว 80% โดยส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นพนักงานดูแลโครงข่าย พนักงานคอลเซ็นเตอร์ และพนักงานซ่อมบำรุง

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส

และ 3.สิ่งที่ทำเพื่อประเทศและคนไทย ซึ่งอย่างที่หลายคนทราบดีว่า คุณสมบัติของ 5G ที่มีความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ และสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้เป็นจำนวนมาก ประกอบกับการประมูลคลื่นความถี่เพื่อรองรับ 5G ที่ผ่านมา ทำให้เอไอเอสถือครองคลื่นความถี่มากที่สุดในอุตสาหกรรม เอไอเอสจึงมีภารกิจที่ชื่อว่า เอไอเอส 5G สู้ภัยโควิด-19 เพื่อคนไทย โดยมีการอนุมัติงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อดำเนินการในอุตสาหกรรมด้านการสาธารณสุข โดยได้มีการติดตั้งโครงข่าย 5G ในโรงพยาบาล 20 แห่ง ที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และกำลังขยายให้ครอบคลุมโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลอีก 130 แห่งและโรงพยาบาลในต่างจังหวัดอีก 8 แห่ง รวมทั้งสิ้น 158 แห่ง ภายในเดือนเมษายน 2563 เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของเทคโนโลยีและโซลูชันส์ทางการแพทย์ ที่ต้องการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง นอกจากนี้ ยังพร้อมสนับสนุนระบบสื่อสาร ทั้งเอไอเอสไฟเบอร์, 4G, เอไอเอส ซุปเปอร์ไวไฟ และสมาร์ทดีไวซ์เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของโรงพยาบาล

Advertisement

รวมถึง มีการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจ เอไอเอส โรโบติกส์แล็บ เพื่อระดมนักวิจัย นักพัฒนา ร่วมพัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ 5G ในการรักษาทางไกลและโซลูชันส์งานบริการทางแพทย์ โดยทำงานร่วมกับโรงพยาบาล เพื่อให้สอดรับกับความต้องการเฉพาะของแต่ละแห่ง ทั้งนี้ พร้อมเปิดกว้างในการพัฒนาหุ่นยนต์ร่วมกับทุกภาคส่วน

นอกจากนี้ ยังมีการส่งมอบหุ่นยนต์ทางการแพทย์ 5G เวอร์ชันใหม่ โรบอทฟอร์แคร์ จำนวน 21 ตัว โดย เอไอเอส โรโบติกส์แล็บให้กับโรงพยาบาล 20 แห่ง ที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วยที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะจัดส่งมอบแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2563 เพื่อให้หุ่นยนต์ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์และพยาบาล ในการตรวจคัดกรองผู้ป่วย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระลดการแออัด และลดเสี่ยงติดเชื้อทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ โดยการตรวจวัดอุณหภูมิผ่านระบบเทอร์โมสแกน ปรึกษาทางไกลระหว่างผู้ป่วยและแพทย์​ผ่านวีดีโอคอล โดยที่แพทย์กับผู้ป่วยไม่ต้องอยู่ในห้องเดียวกัน หรือสัมผัสใกล้กัน โดยสามารถบังคับหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ผ่าน 5G

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image