หุ้นไทยพุ่งแรง ปิดบวก 76.11 จุด เด้งรับมาตรการพยุงเศรษฐกิจ บวกโควิด-19 ชะลอตัว

หุ้นไทยพุ่งแรง ปิดบวก 76.11 จุด เด้งรับมาตรการพยุงเศรษฐกิจ บวกโควิด-19 ชะลอตัว

 เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ1,138.84 จุด ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,199.69 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,214.95 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 76.11 จุดหรือ 6.68% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,220.67 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,173.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่98,954.92 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 3,743.37 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 1,693.28 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 507.18 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ5,943.83 ล้านบาท โดยดัชนีบวกน้อยสุด 34.30 จุด บวกมากสุด 81.83 จุด

โดยนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ปรับระดับขึ้นได้ร้อนแรง โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ เริ่มตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อในฝั่งยุโรปเริ่มแผ่วลงค่อนข้างมาก ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศก็ปรับลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นปัจจัยแรกที่สนับสนุนสัญญาณให้หุ้นดีดตัว (รีบาวด์) ขึ้น โดยจะเห็นว่าหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ฉุดร่วงในช่วงที่ผ่านมา ปรับขึ้นได้ดี อาทิ หุ้นเอโอที ประกอบกับปัจจัยราคาน้ำมันที่บวกขึ้นมาได้ต่อเนื่อง โดยเป็นจุดสร้างความคาดหวังเพิ่มขึ้น ให้กับการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศ พันธมิตรนำโดยรัสเซีย หรือโอเปกพลัส ฉุกเฉิน ว่าท้ายที่สุดจะมีการหารือได้อย่างจริงจังหรือไม่ รวมถึงปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจและเยียวยาผลกระทบโควิด-19 เพิ่มเติมของภาครัฐ ที่ใช้เม็ดเงินกว่า 1.9 ล้านล้าน ซึ่งถือว่าเยอะมาก คิดเป็นสัดส่วน 13% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) รวมถึงมีประเด็นยิบย่อนอาทิ เม็ดเงินที่จะเข้ามาเพิ่มเติมของกองทุนเอสเอสเอฟพิเศษในระยะถัดไป

ประเด็นที่ยังต้องติดตาม หลักๆ ยังเป็นสถานการณ์โควิด-19 ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศจะปรับลดลงได้ต่อเนื่องหรือไม่ หลังจากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อปรับลดลงเรื่อยๆ ซึ่งหากลดลงได้จริง ก็จะเป็นสัญญาณที่ดีให้กับตลาดมากขึ้นได้ รวมถึงการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 9 เมษายนนี้ ว่าจะสามารถปรับลดกำลังการผลิตลงได้มากน้อยเท่าใด ต่อเนื่องจนถึงการรายงานงบประจำไตรมาส 1/2563 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย ซึ่งจะเห็นว่ามีการทยอยปรับลดประมาณการของบจ. ต่อเนื่อง ซึ่งประเมินว่างบไตรมาส 1 ไม่น่าจะออกมาได้สวยมากนัก โดยจากนี้จะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายหุ้นเพิ่มเติม เนื่องจากหากบจ. ประกาศงบออกมาได้แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จะเป็นแรงกระแทกให้ดัชนีหุ้นปรับลดลงแรงอีกครั้งได้นายวิจิตรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image