‘ตลท.’ มั่นใจ ‘ธปท.’ อัด 4 แสนลบ. ช่วยพยุงสภาพคล่อง ‘บจ.’ ยันซื้อขายต่อแม้รัฐเคาะเคอร์ฟิว 24 ชม.

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (บีเอสเอฟ) ภายใต้วงเงิน400,000 ล้านบาท ประเมินว่ากองทุนดังกล่าวจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นในแง่ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) สามารถนำเงินไปใช้คืนหนี้ หรือต่ออายุตราสารหนี้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้ปัญหาสภาพคล่องของบริษัทเหล่านี้ลดลงหรือหมดไป รวมถึงสามารถดำเนินกิจการ สร้างผลกำไรให้บริษัทสามารถ และนำเงินที่ได้ไปชำระหนี้ได้ตามปกติ ซึ่งจะทำให้สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ โดยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่สามาถควบคุมได้ หากรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องออกพ...การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยการห้ามบุคคลใดทั่วประเทศออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) เป็นเวลา 24  ชั่วโมง ตลท.ยืนยันว่าจะไม่มีการปิดทำการซื้อขาย เนื่องจากมีเพียงเหตุผลเดียวที่จะปิดการซื้อขายคือ ระบบธนาคารพาณิชย์หยุดทำการ ซึ่งจะส่งผลให้ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงิน อาทิ การโอนเงินได้ โดยหากรัฐบาลขยายเวลาเคอร์ฟิวเพิ่มขึ้น ตลท.พร้อมปรับการทำงานเพื่อให้ตลาดทุนสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ การปรับเวลาการซื้อขายแทน

นายภากรกล่าวว่า ในส่วนของมาตรการต่างๆ ที่ใช้ดูแลความผันผวนของตลม. ทั้งในส่วนการปรับหลักเกณฑ์การขึ้นลงของราคาหลักทรัพย์สูงสุดและต่ำสุดในแต่ละวัน (ซีลลิ่งฟลอร์) รวมถึงปรับเกณฑ์มาตรการหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ชั่วคราว (เซอร์กิตเบรกเกอร์) ที่มีอยู่ในปัจจุบันถือว่าเพียงพอแล้ว โดยตลท.ได้ขอขยายระยะเวลาการใช้มาตรการต่างๆ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (... ) ไปจนถึงช่วงเดือนมิถุนายนนี้ รวมถึงตลท. ก็ยังมีมาตรการอื่นๆ รองรับเพิ่มเติมหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มากขึ้น แต่หากสถานการณ์ต่างๆ คลายตัวลง และมีความชัดเจนมากขึ้น ตลท.ก็สามารถที่จะยกเลิกมาตรการดังกล่าวก่อนกำหนดได้ โดยที่ผ่านมาตลท.ได้มีการหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาดทุน อาทิ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจคัสโตเดียน ถึงวิธีการดำเนินงานท่ามกลางสถานการณ์ในปัจจุบัน อีกทั้งที่ผ่านมายังได้ออกมาตรการช่วยเหลือมูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท อาทิ การลดค่าจดทะเบียน และการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่บริษัทจดทะเบียนเพิ่มเติมด้วย

ตั้งแต่วันที่ 1-7 เมษายน ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ 7.9% ศึ่งถือว่าดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเดียวกัน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่ออกมา รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมาก หลังจากที่ราคาได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยตลาดคาดว่า 3 ประเทศหลัก ได้แก่ สหรัฐ ซาอุดีอาระเบีย และรัสเซีย จะสามารถเจรจากันเพื่อหาข้อตกลงในการกำหนเทิศทางราคาน้ำมันได้ รวมถึงการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศอิตาลี ที่ดีขึ้น ขณะที่ประเทศจีนได้ประกาศเปิดเมืองอู่ฮั่นแล้ว ทำให้สถานการณ์ภาพรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น สำหรับการเปิดขายกองทุนเพื่อการออม (เอสเอสเอฟ) พิเศษ มองว่าเป็นประโยชน์ต่อตลาดทุนอย่างแน่นอน เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ที่เข้ามา และให้ผลประโยชน์ต่อนักลงทุน โดยหากนักลงทุนต้องการจะลงทุนระยะยาว หรือออมเงินในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการสร้างฐานนักลงทุนกลุ่มใหม่ โดยหากดัชนีมีการปรับตัวลดลงก็จะส่งผลให้มีความต้องการของนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยลดความผันผวนของตลาดหุ้นได้นายภากร กล่าว

ด้านนายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประจำเดือน มีนาคม 2563 ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นจากเดือนก่อนเช่นเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ปิดที่ 1,125.86 จุด ลดลง 28.7% จากสิ้นปีก่อน และ 16% จากสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย 78,363 ล้านบาท โดยถือว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดส่วนใหญ่ในอาเซียน เนื่องจากหลายธุรกิจปรับตัวรับกับสถานการณ์ได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหาร ตลอดจนธุรกิจค้าปลีกและบริการทางการแพทย์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงดัชนีของกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวปรับตัวลดลงน้อยกว่าดัชนีภาพรวม

Advertisement

ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไปนอกจากประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาดโควิด-19 แล้ว ผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญกับความขัดแย้งระหว่างประเทศที่กระทบราคาน้ำมัน การปรับตัวของธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะการรองรับรูปแบบและปริมาณความต้องการภายในประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนมาตรการของรัฐด้านการเงินและการคลังเพื่อการประคับประคองเศรษฐกิจในระยะนี้นายศรพลกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image