เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผู้กำกับการกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง(ผกก.5.บก.ทล.)เปิดเผยความคืบหน้ากรณีตำรวจทางหลวงจับกุมนายเดด ไป่อู และ น.ส.นามิทู สองชาวเมียนมา พร้อมเงินสด 16,500,000 บาท ที่ถนนในหมู่บ้านวังตะเคียน หมู่ที่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนที่นักธุรกิจค้าน้ำมันชาวเมียนมา ผู้เป็นนายจ้างจะไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.แม่สอด เนื่องจากสั่งให้ทั้งคู่นำเงินดังกล่าวมาโอนให้กับบริษัท ปตท.ที่ธนาคารในประเทศไทย เพราะธนาคารฝั่งเมียนมาปิดทำการ โดยทนายความ เตรียมเข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบเพื่อให้ทราบถึงข้อเท็จจริงว่า ตามที่มีข่าวว่าสถานที่ตำรวจทางหลวงจับกุมนั้น ไม่ใช่ท้องที่ของตัวเอง ต้องขอเรียนว่า กก.5 บก.ทล.มีพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด 13 จังหวัดในภาคเหนือ และมีอำนาจการจับกุมเหมือนตำรวจปกติ ทั้งยังมีสถานีตำรวจเป็นของตัวเอง และตำรวจทางหลวงเป็นผู้จับเอง จึงไม่ต้องพาไปโรงพักท้องที่ตามที่มีผู้ให้ข่าวไปก่อนหน้านี้
ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ เป็นไปตามขั้นตอนอย่างรัดกุมทุกกระบวนการ โดยตำรวจรับแจ้งมาจากสายลับว่ามีชาวเมียนมาต้องสงสัยขับรถมาจากด่านกรมศุลกากรแม่สอด กระทั่งเลยด่านมาได้ประมาณ 200 เมตร ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบภายในรถ พบถุงดำลักษณะเป็นถุงขยะ จึงให้ชาวเมียนมา แกะให้ดูแล้วพบว่าภายในมีถุงพลาสติกแดงห่อหุ้มธนบัตรไทย 1,000 บาท นับภายหลังได้ประมาณ 16 ล้าน 5 แสนบาท พอสอบถามถึงที่มาของเงินดังกล่าว ชาวเมียนมาไม่สามารถระบุได้จึงสอบถามไปยังด่านกรมศุลฯ แม่สอด ทราบว่าไม่มีผู้สำแดงนำเข้าเงินดังกล่าวผ่านด่านเข้ามา จึงเข้าข่ายต้องสงสัยเป็นความผิดฐานนำเข้าเงินไทยโดยไม่ผ่านพิธีกรมศุลฯ กรณีนี้หากไม่จับกุมแล้วปล่อยตัวไป ตำรวจก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 ป.อาญา ได้
พ.ต.อ.แมน กล่าวต่อ เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวสองเมียนมาไปยังป้อมตำรวจ พร้อมรายงานผู้บังคับบัญชาระดับกองบังคับการทางหลวง ก่อนที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีคำสั่งให้ส่งคดีนี้ไปที่กองกำกับการ 4 กองปราบปราม ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่รับไปดำเนินการ ไม่ต้องส่งท้องที่ สภ.แม่สอด อีกทั้งก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งข้อหากับผู้ต้องหา ก็ได้ปรึกษาข้อกฎหมายไปยังรองอธิบดีอัยการเศรษฐกิจ ประจำด่านกรมศุลากากรแม่สอดอีกด้วย
“ตำรวจใช้เวลานับเงินทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง จึงสั่งให้คลี่ธนบัตรทุกใบเพื่อถ่ายให้เห็นตัวเลขของธนบัตรแต่ละใบไปประกอบสำนวน ซึ่งระหว่างห้วงเวลานั้นก็ยังไม่มีผู้ใดออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าของเงินดังกล่าวให้คลายข้อสงสัย และแม้ว่าจะมีเจ้าของออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าของเงิน ก็ไม่พ้นข้อหาไม่สำแดงเงินผ่านพิธีกรมศุลกากร กรณีนี้ต้องถามกลับว่า หากเงินดังกล่าวเป็นค่าชำระทางธุรกิจจริงตามกล่าวอ้าง ทำไมถึงให้คนที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ ถือเงินสด 16 ล้านบาทผ่านด่านเข้ามาโดยไม่แจ้งกรมศุลกากร พ.ต.อ.แมน กล่าว”
พ.ต.อ.แมน กล่าวและว่า นอกจากนี้ ยังประสานกองพิสูจน์หลักฐานกลางตรวจสอบหาสารเสพติดบนธนบัตรทั้งหมดด้วย เนื่องจากไม่ทราบที่มาที่ไปของเงินจำนวนนี้ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดหรือไม่ อีกทั้งยังไม่ทราบว่าเป็นธนบัตรจริงหรือไม่ ขณะเดียวกันสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ก็ไรับไว้เป็นคดีด้วย เนื่องจากเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน
