จับจริง ปรับจริง!! ศาลสมุทรสาครสั่งปรับผู้ไม่สวมหน้ากากอนามัย พบฝ่าฝืนแล้ว 5 ราย

จับจริง ปรับจริง!! ศาลสมุทรสาครสั่งปรับผู้ไม่สวมหน้ากากอนามัย พบฝ่าฝืนแล้ว 5 ราย

ไม่สวมหน้ากากอนามัย – เมื่อวันที่ 9 เมษายน จ.สุมทรสงคราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ออกประกาศมาตรการเข้มเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมานั้น ภาพรวมของ จ.สมุทรสาคร มีผู้สวมใส่หน้ากากอนามัยเกือบ 100% แต่ยังคงพบผู้ฝ่าฝืนการกระทำความผิดบ้างเพียงไม่กี่ราย

ซึ่งในส่วนของผู้ที่ถูกจับกุมตัวรายแรกเมื่อวันที่ 8 เมษายน คือ นายศุภกร (สงวนนามสกุล) ชาว ต.ท่าทราย ถูกจับกุมตัวที่บริเวณจุดกลับรถบิ๊กซี ถ.เศรษฐกิจ 1 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนแจ้งความดำคดีตามกฎหมาย ก่อนจะนำตัวส่งศาลจังหวัดสมุทรสาคร ในวันที่ 9 เมษายน เพื่อพิจารณาโทษปรับ ข้อหากระทำผิดฐาน “เป็นผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ (ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่อออกจากบ้านในเขตจังหวัดสมุทรสาคร)” ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วงเช้าวันนี้ ยังมีผู้ที่ผู้ฝ่าฝืนประกาศจังหวัด ไม่สวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย ถูกจับเพิ่มอีกบริเวณสี่แยก สภ.เมืองสมุทรสาคร ถ.เศรษฐกิจ ต.มหาชัย อ.เมือง จว.สมุทรสาคร โดยถูกตั้งข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “เป็นผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ (ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่อออกจากบ้านในเขตจังหวัดสมุทรสาคร) ถูกนำตัวไปดำเนินคดีเช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการสรุปผล ณ วันที่ 9 เมษายน 2563 ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ตัดสินผู้ฝ่าฝืนประกาศจังหวัดสมุทรสาคร ที่ให้ทุกคนสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยทุกคน พิพากษาปรับ 4,000 บาท ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือโทษปรับ 2,000 บาท โดยจังหวัดสมุทรสาครมีผู้ถูกดำเนินคดีนี้รวมแล้วทั้งหมด 5 ราย

Advertisement

นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ผลจากมาตรการบังคับใช้ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย จะเป็นหน้ากากแบบผ้า หรือแบบแพทย์ ตั้งแต่ออกจากบ้านแบบครอบคลุมครบ 100% ทั่วทั้งจังหวัดนั้น เป็นมาตรการที่กำหนดขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักในการป้องกันตนเองไม่ให้ติดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 เข้าสู่ร่างกาย โดยไม่ได้มุ่งหวังในเงินค่าปรับที่มีโทษสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท

นายวีระศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนอำนาจในการจับ-ปรับ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เรื่องของการจับผู้ที่ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัย ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนที่ 2 การปรับเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลจังหวัดสมุทรสาคร แล้วแต่จะพิจารณาโทษว่าต้องปรับเท่าไหร่ แต่สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท หากถูกดำเนินคดีแล้ว จะเสียทั้งเงิน และเวลามากกว่าค่าหน้ากากอนามัย แต่ก็พบว่ายังคงมีผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิด

Advertisement

นายวีระศักดิ์กล่าวต่อว่า โดยจับกุมเป็นตัวอย่างแล้วรายแรกเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา โดยผู้ที่ถูกจับรายแรก ได้วางหลักทรัพย์ประกันตัวออกไปในชั้นสอบสวนเป็นเงิน 20,000 บาท แต่ในส่วนของค่าปรับฐานกระทำฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จะต้องเป็นอำนาจของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่จะพิจารณาสั่งปรับต่อไป และเมื่อเสียค่าปรับที่ศาลแล้ว สามารถนำใบเสร็จจากค่าปรับมาขอเงินประกันคืนได้

“อยากจะฝากบอกพี่น้องประชาชนว่า เรื่องของการช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นหน้าที่ของทุกคน โดยมาตรการสวมหน้ากากอนามัยนับเป็นมาตรการที่ดีที่สุดในขณะนี้ จึงต้องการให้ทุกคนมีจิตสำนึกร่วมกันในการสวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน เพราะหากไม่กระทำตามแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับจริง ปรับจริง ประกาศนี้ไม่ได้ออกมาแค่เพื่อบังคับใช้ในกระดาษเท่านั้น แต่บังคับใช้ในชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง จึงขอให้ทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด” นายวีระศักดิ์ กล่าว

นายวีระศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ใน จ.สมุทรสาคร ขณะนี้แม้จะอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าค่อนข้างดีขึ้น คือไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นติดต่อกันมาเป็นเวลา 6 วัน และยังมีผู้ป่วยรายเดิมรักษาหายเพิ่มอีก 1 ราย ทำให้ปัจจุบันคงเหลือผู้ป่วยที่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 10 ราย แต่มีผู้เฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้นเป็น 206 ราย สิ่งหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์ของจังหวัดดีขึ้น น่าจะมาจากที่คนส่วนใหญ่ดำเนินการตามมาตรการของจังหวัดนั่นเอง ทั้งนี้ ทุกคนยังคงต้องร่วมมือร่วมใจกันดำเนินการตามมาตรการของจังหวัด ภายใต้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเคร่งครัดต่อไป

“อย่างไรก็ตาม ยังบอกไม่ได้ว่า จ.สมุทรสาคร จะมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น หรือลดลง หากวันนี้พี่น้องประชาชนไม่ร่วมมือกัน เชื่อได้ว่า เชื้อโควิด-19 จะต้องระบาดอย่างหนักแน่นอน เพราะโรคนี้เป็นโรคอุบัติใหม่ ยังไม่มียารักษา มีการติดเชื้ออย่างรวดเร็ว ดังนั้น หนทางที่ดีที่สุดของการป้องกันในตอนนี้คือ การสวมหน้ากากอนามัย และความร่วมมือร่วมใจกันของทุกคนที่จะช่วยกัน อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” นายวีระศักดิ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image