ตร.เผย “พันธ์ยศ”คดี ตุนหน้ากาก ปล่อยตัวได้ก็ถอนก็ถอนประกันได้ พบคู่ค้าเกือบ 10 ราย เร่งขยายผลสาวถึงตัว สงสัยอาจมีจนท.รัฐ เอี่ยว
เมื่อวันที่ 11 เมษายน แหล่งข่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เปิดเผยถึงการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์ ซึ่งมีนายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ ผู้ต้องหาในความผิดเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายสินค้าควบคุมเกินราคา(หน้ากากอนามัย ฯลฯ) เป็นหนึ่งในตัวการรายใหญ่ของประเทศ ที่ขอยื่นหลักทรัพย์ประกันก่อนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ว่า
คดีนี้ เริ่มด้วยการจับกุมนายศรสุวีร์ หรือเสี่ยบอย ภู่รวีร์รัศวัชรี ที่โพสต์อ้างว่ามีหน้ากากอนามัยสต๊อก 200 ล้านชิ้น และนำมาขายในราคาสูงกว่ากำหนด ซึ่งตำรวจมีหลักฐานภาพเช็กปลอมในเฟซบุ๊กเจ้าตัวที่โพสต์ให้คนหลงเชื่อ และมีหลักฐานทางการเงิน รวมถึงของกลางบางส่วนที่นำไปสู่การจับกุม อย่างไรก็ตาม เสี่ยบอย ได้รับออเดอร์สั่งซื้อจำนวนมากจนไม่สามารถหามาขายได้ทัน จึงติดต่อนายพันธ์ยศ ซึ่งร่วมทุนกับนายอานนท์วัฒน์ วรเมธชยางกูร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภราดรภาพ ที่เป็นนักการเมืองและมีศักยภาพการจัดหาสูงกว่า ก่อนขยายผลจับกุมได้ต่อมา
แหล่งข่าวเผยต่อว่า ตามที่มีข้อมูลจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลว่ามีบุคคลอีก 7-8 คน ที่เกี่ยวข้องกับนายพันธ์ยศ พบว่าเป็นกลุ่มนายหน้าผู้ค้าหน้ากากอนามัยแบบเดียวกัน ตำรวจยังสืบสวนพบว่ามีคนอีกกลุ่มที่ซื้อขายหน้ากากกับนายพันธ์ยศ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นผู้นำเข้า หรือผลิต โดยกำลังรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียดเพื่อขอศาลอนุมัติออกหมายจับ
ทั้งนี้พบว่าพฤติกรรมการนำเข้าของขบวนการนี้ จะไม่แจ้งต่อกรมการค้าภายใน ไม่ให้สินค้าเข้าสู่ระบบที่ต้องถูกกดราคาเหลือชิ้นละ 2.5 บาท ก่อนจะนำมาบรรจุลงกล่องผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อไม่ให้ทราบที่มาของโรงงานที่ผลิตแล้วนำไปขายในตลาดมืดด้วยราคาสูง ที่สำคัญพบว่ากล่องผลิตภัณฑ์บางส่วนที่จับกุมได้เป็นของ 1 ใน 11 บริษัทที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐให้จำหน่ายได้
อย่างไรก็ตาม หากเป็นผู้ผลิตหน้ากากอนามัย จะต้องตรวจสอบว่าผลิตที่ใด เนื่องจากถ้าผลิตหลังประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีผลบังคับใช้ จะต้องแจ้งกับกรมการค้าภายใน จึงอาจจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
แหล่งข่าวเปิดเผยต่อ ส่วนการปล่อยตัวนายพันธ์ยศ หลังถูกจับกุมคดีจำหน่ายสินค้าควบคุมเกินราคาและไม่แจ้งต่อรัฐนั้นเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย เพราะผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมหลบหนีและมีหลักทรัพย์ประกันตัวตามสิทธิ์ อีกทั้งสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่จำกัดการเดินทางทำให้การหลบหนีคงเป็นไปอย่างยากลำบาก ทำให้เจ้าหน้าที่พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว แต่หากมีพฤติกรรมหลบหนี เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานก็สามารถถอนประกันได้ แม้ตอนนี้นายพันธ์ยศ มีความผิดเดียว แต่กำลังเร่งรวมรวบหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
