“โฆษก ศบค.” ดีใจ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยลดลง ติดเเชื้อเพิ่ม 33 ราย ขอบคุณ “นายกฯ” ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าทำให้รู้ปัญหาจริง

วันที่ 12 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงรายงานประจำวันว่า สำหรับตัวเลขสถานการณ์วันที่ 12 เมษายน มีผู้ป่วยใหม่ 33 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,551 ราย ใน 68 จังหวัด กลับบ้านได้แล้ว 1,218 ราย

“ผมดีใจมากๆที่ตื่นเช้าขึ้นมาแล้วเห็นตัวเลขนี้ ถือเป็นข่าวดีสำหรับเทศกาลปีใหม่ไทยที่เราจะได้เห็นตัวเลขค่อยๆลดลง อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดกระจายตัวอยู่ในกทม. เป็นส่วนใหญ่ อายุกลุ่มที่มากที่สุดคือ 30-39 ปี เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3 ราย คือ รายที่ 36 ผู้ป่วยชาย อายุ 74 ปี มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน และไขมันในเลือดสูง มีประวัติไปตลาดนัด และบุคคลในบ้านมีการรวมกลุ่มกันในบ้าน โดยผู้ป่วยเริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ด้วยอาการไข้ จากนั้นวันที่ 7 เมษายนก็เข้ารักษาด้วยอาการไข้สูง 39.4 องศา เสียดท้อง และถ่ายเป็นสีดำ รู้ว่าป่วยเป็นโควิด-19 ในวันที่ 8 เมษายน ก่อนอาการจะแย่ลงเรื่อยๆ และเสียชีวิตในวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา

รายที่ 37 เป็นผู้ป่วยหญิงอายุ 35 ปี มีโรคอ้วน และไขมันในเลือดสูง มีประวัติระหว่างวันที่ 20-26 มีนาคม ได้เดินทางไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดชุมพร วันที่ 27-31 มีนาคม เริ่มมีอาการไข้ ไอ เหนื่อย เพลีย ซึ่งทำการตรวจในวันที่ 1 เมษายนที่โรงพยาบาลชุมพร ได้กลับบ้าน จากนั้นรู้สึกมีการเหนื่อยหอบมากขึ้น ระดับความรู้สึกตัวลดลง จึงกลับมาที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง แพทย์ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ แต่อาการแย่ลงเรื่อยๆ และเสียชีวิตในวันที่ 11 เมษายน

ส่วนรายที่ 38 เป็นผู้ป่วยชาย อายุ 44 ปี รับส่งต่อจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม ผู้ป่วยมีอาการหนักตั้งแต่แรก ได้ใช้ยารักษาอาการป่วยหลายขนานที่มีอยู่ และดูแลทุกระบบของร่างกาย แต่ปรากฏว่า อวัยวะล้มเหลวหลายส่วน หลายระบบ ต้องทำการล้างไตหลายครั้ง อาการไม่ดีขึ้น จนเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้า “ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติของทั้ง 3 ครอบครัวด้วย” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

Advertisement

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับการติดเชื้อใหม่ 33 ราย เกิดจากการสัมผัสกับผู้ป่วยที่ยืนยันอาการก่อนหน้า 17 ราย เชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ 7 ราย สถานบันเทิง 2 ราย และกลุ่มที่ไม่เกี่ยวกับกลุ่มอื่นๆเลย เช่น บุคลากรทางการแพทย์ หรือการใช้ชีวิตส่วนตัวในแต่ละวัน 7 ราย รอสอบสวนอีก 4 ราย และคนที่เข้าไปในที่กักตัวเนื่องจากกลับมาจากต่างประเทศอีก 2 ราย ส่วนการกระจายตัวยังอยู่ที่กทม. 1,294 ราย ภูเก็ต 176 ราย นนทบุรี 148 ราย สมุทรปราการ 106 ราย ยะลา 82 ราย ทั้งนี้ มี 9 จังหวัดที่ยังไม่พบผู้ป่วย คือ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง โดยตัวเลขการแพร่เชื้อในต่างจังหวัดยังมากกว่ากทม. ช่วงอายุ 20-29 ปี และ 30-39 ปีมีจำนวนมาก ตามด้วย 40-49 ปี

“ในช่วงสงกรานต์ 7 วันอันตราย ท่านจะมีความกตัญญูต่อผู้ที่เป็นพ่อ-แม่ ปู่-ย่า ตา-ยาย ทางที่ดีที่สุดคือกราบท่านในระยะ 2 เมตร ไหว้ในระยะ 2 เมตร ไม่มีการรดน้ำอวยพรเด็ดขาด เพราะท่านสามารถเป็นพาหะได้” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นตัวเลขที่ดีเยี่ยมมากๆ การทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายทำให้ตัวเลขกดลงมาจากสัปหห์ก่อนหน้าเกือบครึ่ง ถือว่าลดลงได้อย่างน่าพอใจ แต่ต้องดูแลต่อไม่ให้ขาด ขณะที่สถานการณ์ในต่างประเทศรวม 1.78 ล้านคน ป่วยหนักกว่า 5 หมื่นราย เสียชีวิตแตะไปที่ 108,827 คน วันเดียวเสียชีวิต 6,000 กว่าราย ประเทศที่มากที่สุดยังคงเป็นอเมริกา จำนวน 500,000 กว่าราย เสียชีวิตแซงนำอิตาลีไปแล้ว คือ 20,577 ราย ตามมาด้วย สเปน อิตาลี และฝรั่งเศสที่มียอดเสียชีวิตหลักหมื่นรายทั้งสิ้น สำหรับประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 47 ซึ่งมาเลเซียเมื่อวันที่ 11 เมษายน มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 184 ราย ฟิลิปปินส์ 233 ราย สิงคโปร์ 191 ราย อินโดนีเซีย 330 ราย ที่ต้องพูดเน้นย้ำตรงนี้คือ เราต้องดูแลคนไทยที่เดินทางกลับมา ดังนั้น การ์ดห้ามตก แม้จะทำคะแนนได้ดี แต่ต้องยืนระยะยาว

Advertisement

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในไทยเมื่อประกาศเคอร์ฟิวแล้วตัวเลขคนละเมิดออกจากเคหะสถานมี 926 คน ชุมนุม 58 คน จำนวนของคนละเมิดลดลงจากเมื่อวาน 39 คน “ต้องขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ สุขภาพท่านเวลานี้ 4 ทุ่มก็ขอให้นอนเยอะๆ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เป็นไข้เป็นหวัด ล่าสุดได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า พบฐานความผิดที่เกี่ยวกับสุราเยอะมากในทุกภาค อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ ศบค. ที่ออกไปเยี่ยม ให้กำลังใจคนที่ทำงานในด่านหน้าในยามวิกาลแบบนี้ ทำให้คนทำงานได้สะท้อนปัญหา และได้เห็นปัญหาจริงว่าเป็นอย่างไร”

นพ.ทวีศิลป์ ได้กล่าวตอบข้อซักถามกรณีเหตุผลของผู้ติดเชื้อที่ลดลงแสดงว่าตรวจผู้ติดเชื้อจากสนามมวยครบแล้วหรือไม่ หรือว่าเพราะมาตรการที่ภาครัฐออกมาดำเนินการได้ผลดี ว่า เมื่อเราทำงานเราก็ต้องกลับมาย้อนดูผลงาน ซึ่งหลังจากที่ได้มีการประกาศเคอร์ฟิวไปเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมานั้นนับถึงวันนี้รวมประมาณ 9 วัน จะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงชัดเจนจากเลข 3 หลักเหลือ 2 หลัก ส่วนที่ตัวเลขสูงขึ้นมาในบางวันนั้นเนื่องจากมีการรับคนไทยกลับมาจากประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่ตัวเลขจากกลุ่มก้อนสนามมวย สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นศูนย์เลย ทั้งนี้การที่เราคุมได้เป็นอย่างดีเพราะความร่วมมือจากประชาชน รวมทั้งการมีมาตรการต่างๆที่เข้มข้นทั้งทางด้านสาธารณสุข ความมั่นคง เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image