ยายวัย 75 เข่าทรุด ขายของเก็บเงินได้ 5,000 บาท เอาไว้สู้โควิด ถูกคนร้ายฉกไปต่อหน้า

ยายวัย 75 เข่าทรุด ขายของเก็บเงินได้ 5,000 บาท เอาไว้สู้โควิด ถูกคนร้ายฉกไปต่อหน้า

ยายวัย 75 ปี ทำเพิงขายก๋วยเตี๋ยว-ขนมจีน หน้าบ้าน ได้กำไรประหยัดเก็บออม เอาไว้ใช้เผื่อการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยาว สุดท้ายถูกมิจฉาชีพมาหลอก ถามหาบ้านผู้ใหญ่บ้าน แล้วให้อีกทีมไปย่องฉกเงินในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนไป 5,000 บาท ก่อนหนีลอยนวล ยายเข่าทรุด เป็นเงินเก็บทั้งเบี้ยคนชราและเงินหมุนเวียนขายของ ตำรวจสอบคาดทำเป็นกระบวนการเร่งติดตามหาเบาะแส

เมื่อวันที่ 12 เมษายน ร.ต.อ.อุดม พลทำ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 17 ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ว่า มีคนร้ายเข้ามาขโมยเงินของชาวบ้านแล้วหลบหนีไป จึงรุดไปตรวจสอบภายในบ้าน นางร่วม เยี่ยมรัมย์ หรือยายโฮม

ที่เกิดเหตุเป็นถนนนิคมพงษ์เพชร บริเวณสี่แยกด้านหลังโรงพยาบาลสตึก เป็นบ้านสองชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ใต้ต้นมะขามหน้าบ้าน ปลูกเป็นเพิงร้านขายก๋วยเตี๋ยว

นางร่วม กล่าวว่า พร้อมให้การกับตำรวจว่า ปกติตนจะขายก๋วยเตี๋ยวและขนมจีน ที่เพิงใต้ต้นมะขามหน้าบ้านตัวเอง แต่วันนี้หยุดขาย เพราะช่วงหลังลูกค้าน้อยลง เนื่องจากได้รับผลกระทบโรคโควิด 19 จึงไม่กล้าลงทุนซื้อของมาขายอีก

ADVERTISMENT

“วันนี้ว่างจึงมานั่งเล่นอยู่เพิงขายของหน้าบ้าน ช่วงบ่ายก่อนเกิดเหตุ ได้มีชายอายุ 30-40 ปี รูปร่างสันทัด ขับรถกระบะมาจอดข้างบ้านแล้วลงมาถามหาบ้านผู้ใหญ่บ้าน อ้างว่าเก็บโทรศัพท์ได้จะเอาไปฝากไว้ให้บ้านผู้ใหญ่บ้านประกาศหาเจ้าของ”นางร่วมกล่าว

นางร่วม กล่าวต่อว่า หลังจากบอกทางไปบ้านผู้ใหญ่บ้านให้กับชายคนดังกล่าวไปแล้วไม่นาน ได้มีรถกระบะสีดำ จำเลขทะเบียนตัวหน้าได้ 91 ไม่ทราบจังหวัด ขับมาจอดไว้ข้างบ้าน เพียงเสี้ยววินาที เห็นชายอีกคนเดินออกมาจากประตูหลังบ้านของตน แล้วรีบขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ตนเห็นท่าไม่ค่อยดี จึงรีบไปดูเสื้อกันเปื้อนที่วางไว้อยู่แคร่หน้าบ้านก่อนหน้านี้ ซึ่งในกระเป๋าเสื้อกันเปื้อนจะเก็บเงินไว้จำนวน 5,000 บาท ปรากฏว่าเงินทั้งหมดได้หายไปแล้ว จึงรีบโทรแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ให้บอกตำรวจมาตรวจสอบ

ADVERTISMENT

นางร่วมกล่าวต่อว่าตนอยู่กับหลานสาวเพียง 2 คน มีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวและขนมจีน หลังจากได้รับข่าวสารว่ามีไวรัสโควิด 19 ระบาดในเมืองไทย และรัฐบาลได้ประกาศมาตรการออกมาหลายรอบ ตนคิดเสมอว่า หากเป็นโรคระบาดเหมือนสมัยก่อน คงจะต้องกักตุนอาหาร หรือเตรียมเงินไว้ใช้จ่าย จึงได้เก็บออมเงินที่ได้จากเบี้ยคนชรา และเงินหมุนเวียนขายของ ไว้ติดกับตัว ไม่กล้าเอาไปฝากธนาคาร มาถึงตอนนี้รู้สึกเสียใจ ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานอีกแค่ไหนจึงจะเก็บเงินได้อีก 5,000 บาท

“อยากจะฝากให้ตำรวจเร่งติดตามคนร้ายมาลงโทษให้ได้ เพราะคิดว่าน่าจะเป็นกระบวนการ และคาดว่าจะวางแผนทำในลักษณะนี้ไปเรื่อย โดยอาศัยเลือกเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุ”นางร่วมกล่าว

ทั้งนี้ตำรวจ สภ.สตึก ได้เร่งตรวจสอบกล้องจงจรปิดตามถนนสายต่างๆในเขตเทศบาลสตึกแล้ว เพื่อหาบุคคลต้องสงสัย แล้วติดตามตัวมาสอบสวนต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image