เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีสื่อออนไลน์นำเสนอข่าว“แพทย์หญิงสั่งหน้ากากอนามัยทางเน็ต กลับได้หมวกกันน็อกเก่า” ในพื้นที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี ว่า
ได้รับรายงานจาก สภ.บางกรวย ว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน ผู้เสียหายได้เดินทางมาแจ้งความว่า เมื่อวันที่ 4 เมษายน ผู้เสียหายพบคนร้ายประกาศขายหน้ากากอนามัย N95 ในเว็บไซต์ Kaidee จึงได้คุยกับคนร้ายทางแอปพลิเคชั่นไลน์ส่วนตัว และสั่งซื้อหน้ากากอนามัย N95 จากคนร้าย ในช่วงวันที่ 4-6 เมษายน รวม 4 ครั้ง โดยโอนเงินผ่านระบบ mobile banking
แต่เมื่อคนร้ายส่งพัสดุถึงผู้เสียหาย ปรากฎว่าเป็นหมวกนิรภัยเก่า 2 ใบ ผู้เสียหายจึงติดต่อกลับ แต่คนร้ายกลับบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ ผู้เสียหายจึงได้เดินทางมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดี
โดยพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ดังกล่าว สอบปากคำพยาน อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องและดำเนินการอายัดยอดเงินที่ถูกประทุษร้ายในบัญชีธนาคารของผู้รับโอนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
ขณะนี้อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบถึงตัวผู้กระทำผิด ในเบื้องต้นทราบแล้วว่าบัญชีปลายทางที่โอนไปเป็นของผู้ใดโดยรอข้อมูลการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อขยายผลว่ามีการโอนต่อไปยังบัญชีใดอีกหรือไม่ อย่างไร
รองโฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า ขอฝากเตือนไปยังบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่คิดจะกระทำการในลักษณะดังกล่าว ให้หยุดความคิดและการกระทำเสีย เนื่องจากเป็นการเอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชนในช่วงวิกฤต เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง โดยผู้ที่กระทำจะถูกดำเนินคดีในข้อหา ฉ้อโกง ตามมาตรา 341 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยงาน ดำเนินการจับกุมกับผู้ที่เอารัดเอาเปรียบ ซ้ำเติมประชาชนในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว อย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หากตรวจพบว่ามีผู้ใดฝ่าฝืนให้ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน2ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ