ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ -มันสำปะหลัง ครั้งที่ 1/2563 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เห็นชอบเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด 2 เรื่อง คือ เรื่องแรก การประกันภัยพืชผลหรือการประกันภัยข้าวโพดจะช่วยให้ชาวไร่ข้าวโพด หากประสบภัย7 ชนิด หรือประสบภัยจากโรคระบาดจะได้รับเงินชดเชยเพื่อช่วยเหลือพืชผลทางการเกษตรที่เสียหาย โดยรัฐบาลกับ ธกส.จะร่วมมือกันในการจ่ายเบี้ยประกันแทนชาวไร่ข้าวโพดไร่ละ 160 บาท โดยเบี้ยประกัน 160 บาทต่อไร่นั้น รัฐบาลจะจ่ายให้ 96 บาท และ ธกส. จะช่วยจ่ายให้ 64 บาท ถ้าชาวไร่ข้าวโพดผลผลิตเสียหายจากเหตุ 7 ชนิด เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง พายุ เป็นต้น จะได้รับเงินชดเชยไร่ละ 1,500 บาท แต่ถ้าเกิดจากโรคระบาดจะได้รับการชดเชยไร่ละ 750 บาท โดยจะใช้วงเงินทั้งหมด 313 ล้านบาท เพื่อดำเนินการเรื่องนี้โดยให้ ธกส. สำรองจ่ายไปก่อนและรัฐบาลจะตั้งวงเงินชดเชยให้ในปีถัดไป
นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องที่สองการขยายระยะเวลานโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ซึ่งเดิมกำหนดระยะเวลาการประกันรายได้ไว้สำหรับผู้ปลูกข้าวโพดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2562 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2562 ทำให้เกษตรกรที่ปลูกในช่วงเดือนนี้ไม่สามารถได้รับเงินส่วนต่างจากนโยบายประกันรายได้ได้ วันนี้ที่ประชุมจึงมีมติให้ความเห็นชอบว่าเปิดโอกาสให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2562 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2562 สามารถได้รับเงินจากโครงการประกันรายได้ได้ด้วยโดยมีเกษตรกรอยู่ประมาณ 150,000 ราย ใช้วงเงินงบประมาณ 670 ล้านบาทจะได้รับเงินส่วนต่างชดเชยกิโลกรัมละ 29 สตางค์โดยประมาณ ซึ่งจะให้ ธกส. สำรองจ่ายไปก่อนและรัฐบาลจัดตั้งงบประมาณชดเชยให้ในปีถัดไป พร้อมทั้งจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนที่ประชุมมันสำปะหลัง เห็นชอบ 2 เรื่องคือ 1.การปฎิบัติตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งได้มีการประกันรายได้ไว้ที่กิโลกรัมละ 2.50 บาทและมีการกำหนดการจ่ายเงินส่วนต่างรวม 12 งวด คือเดือนละ 1 งวดทุกวันที่ 1 ของเดือน ที่ผ่านมาจ่ายไปแล้ว 5 งวด เหลืออีก 7 งวด งวดถัดไปวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมาราคาหัวมันสดตกต่ำลงไปมากส่ วนหนึ่งเกิดจากภัยแล้งทำให้เชื้อแป้งไม่ได้ตามเกณฑ์ที่ควรจะเป็นทำให้เกษตรกรมีรายได้ในราคาที่ต่ำลง ประกอบกับโควิดทำให้ความต้องการในตลาดต่างประเทศมีปัญหาในเรื่องของการส่งออกหลายส่วน เพราะฉะนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างเพิ่มมากขึ้น ทำให้งวดที่ 6 ถึงงวดที่ 12 ค้างอยู่นั้นจำเป็นจะต้องใช้เงินเพิ่มเติมอีก 460 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องขอมติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยดูแลในงบประมาณส่วนนี้ต่อไป โดยจะขอให้ ธกส. ได้จ่ายสำรองไปก่อนและรัฐบาลก็จะตั้งจ่ายชดเชยในปีถัดไป
เรื่องที่ 2 เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าควรขอความร่วมมือจากสมาคมที่เกี่ยวข้องกับมันสำปะหลังทั้งหมด 4 สมาคมด้วยกันประกอบด้วย สมาคมแป้งมัน สมาคมการค้ามันสำปะหลัง สมาคมมันสำปะหลังภาคอีสาน และสมาคมมันสำปะหลังภาคตะวันออก ได้หารือร่วมกันเพื่อที่จะหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในช่วงระยะเวลาวิกฤตในปัจจุบันนี้ โดยขอให้หารือกันว่าสามารถที่จะช่วยรับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 2.30 บาท ที่เชื้อแป้ง 25% ได้หรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นในยามวิกฤตและขณะเดียวกันเพื่อเป็นการลดภาระการจ่ายเงินส่วนต่างของรัฐบาลไปอีกจำนวนหนึ่งได้ด้วยในเวลาเดียวกันซึ่งขอให้ 4 สมาคมนี้ ได้ไปหารือร่วมกันกับผู้แทนของกระทรวงพาณิชย์และขอคำตอบว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่อย่างไรโดยเร็วที่สุด
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายประกันรายได้เกษตรกรที่ได้ดำเนินการมาของรัฐบาล ทั้งข้าว มัน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด มีความคืบหน้าเป็นลำดับ เกษตรกรจำนวนมากได้รับเงินส่วนต่างไปโดยลำดับ แต่เชื่อว่ายังมีเกษตรกรจำนวนหนึ่งที่ยังประสบปัญหาติดขัดไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดในเรื่องใดก็ตามที่มีสิทธิ์แต่ยังไม่ได้รับเงินส่วนต่างจากนโยบายประกันรายได้ ตรงนี้ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์จัดตั้งศูนย์รับเรื่องจากเกษตรกรที่ เชื่อว่าตนเองมีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินส่วนต่างจากนโยบายประกันรายได้ แต่ยังไม่ได้รับเงินเนื่องจากติดปัญหาอุปสรรค นอกจากจะไปร้องเรียนที่เกษตรตำบล กำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือที่ ธกส. โดยตรงแล้ว กระทรวงพาณิชย์จะเปิดรับเรื่องจากเกษตรกรโดยตรงผ่านหมายเลข 1569 โดยจัดเจ้าหน้าที่ไว้รับเรื่องนี้เป็นการเฉพาะและตรวจแยกข้อมูลเพื่อที่จะได้สั่งการไปยังผู้รับผิดชอบในแต่ละจังหวัดให้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรที่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินส่วนต่างให้ได้รับเงินส่วนต่างโดยเร็ว
“เรื่องที่ผมได้เคยเรียนให้ทุกท่านได้รับทราบว่าภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิดที่เกิดขึ้นและรัฐบาลมีนโยบายที่จะออกพระราชกำหนดในการกู้เงินเพื่อมาใช้ในการเยียวยาและสนับสนุนให้ภาคส่วนต่าง ๆ สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยดีถือว่าเป็นนโยบายที่สังคมให้การตอบรับมาก” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงเกษตรกับกระทรวงพาณิชย์ ต้องมีการดำเนินการบูรณาการร่วมกันในการทำงานมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจะดำเนินการบูรณาการร่วมกันภายใต้หลักการ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เพื่อควบคู่กันไปและจะมีการดำเนินการในโครงการต่าง ๆ เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรแบบครบวงจรทั้งในภาคการผลิตและภาคการแปรรูปรวมทั้งการตลาด ต่อไปไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการให้เงินช่วยเหลือเกษตรกรครัวละ 5,000 บาท ซึ่งกระทรวงเกษตรได้เตรียมการในการตั้งเรื่องที่เกี่ยวกับในเรื่องนี้แล้วและจะช่วยเหลือทั้งในส่วนของเกษตรด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง และเกษตรแปรรูปต่อไปในภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งการเตรียมการที่จะลดต้นทุนการผลิตปุ๋ยหรือในเรื่องอื่นๆ เรื่องของแหล่งน้ำ
ในเรื่องของการเพิ่มผลผลิตให้มีคุณภาพมาตรฐานขึ้น รวมทั้งในเรื่องของการประสานการตลาด จะมุ่งเน้น 3 ส่วนทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ หมายรวมถึงการส่งออกและตลาดอีคอมเมิร์ซหรือตลาดออนไลน์ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นตลาดออนไลน์เพื่อการค้าในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม โดยทั้งหมดนี้ภายใต้หลักการ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ตนจะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อขอการสนับสนุนต่อไปเพื่อให้รัฐบาลสามารถที่จะเดินหน้าในการเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด