นายวรกร สิริจินดา ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท อินเวสทรี จำกัด (ประเทศไทย)ผู้ให้บริการเงินทุนสำหรับธุรกิจรายย่อยถึงระดับกลาง (SMEs) กล่าวว่าเป้าหมายของ อินเวสทรี เป็นตัวกลางในการ จับคู่ระหว่างเอสเอ็มอีที่ต้องการเงินทุนและนักลงทุน ซึ่งมีข้อจำกัดจากการขอสินเชื่อจากธนาคาร ที่ระบบตรวจสอบไม่เอื้ออำนวยให้ธุรกิจรายย่อยได้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่มีคุณภาพ จนต้องหันไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ และเจออัตราดอกเบี้ยที่สูง จึงทำให้ต้นทุนธุรกิจสูงตามไปด้วย ปัจจุบันกิจการเอสเอ็มอี มีสัดส่วน 95% ของธุรกิจทั้งหมดในไทย และมีการจ้างงานกว่า 50%
ธุรกิจของอินเวสทรี คือการเชื่อมโยงระหว่างนักลงทุนกับผู้ต้องการเงินทุน ทำการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือทางการเงินของผู้ขอกู้ และบริหารจัดการการกู้ยืมตั้งแต่การทำสัญญาไปจนถึงการชำระคืนเงินกู้ โดยเป็น ฟินเทค สตาร์ตอัพ มีจุดเริ่มต้นที่อินโดนีเซีย ก่อนขยายธุรกิจไปเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย
“ทั้ง 3 ประเทศ ปัจจุบันมีสัดส่วนช่องว่างทางสินเชื่อประมาณ 430,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงมองเห็นโอกาสในการลดช่องว่างทางสินเชื่อ โดยการสนับสนุนด้านการเงินแก่เอสเอ็มอีภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่เอสเอ็มอีต้องการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ”
นายวรกร กล่าวว่า ปัจจุบัน อินเวสทรี ประเทศไทย ใช้เงินทุนของบริษัทฯ ให้บริการการกู้เงินแก่ เอสเอ็มอีที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลโดยใช้ใบแจ้งหนี้การค้า เป็นการกู้เงินโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันและยึดถือยอดชำระเงินตามกำหนดบนใบแจ้งหนี้เป็นแหล่งที่มาของเงินในการชำระหนี้คืน โดยอัตราดอกเบี้ยกู้ 12% – 15% ต่อปี ซึ่งในไตรมาส 2 นี้ บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาต คราวด์ฟันดิ้ง แพลตฟอร์ม กับ กลต. โดยมีแผนที่ขยายบริการระดมทุนในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ทางการตลาดมากยิ่งขึ้น
