ศบค.ชี้แนวโน้มตัวเลขต่างจังหวัดลดลง แต่ส่วนกลางยังไม่นิ่ง ย้ำการ์ดอย่าตก!!

ศบค.แถลงพบผู้ติดเชื้อใหม่ 30 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้อ 2,643 คน หายกลับบ้านแล้ว 1,497 คน ชี้แนวโน้มตัวเลขต่างจังหวัดลดลง แต่ส่วนกลางยังไม่นิ่ง จึงไม่น่าไว้วางใจ ย้ำการ์ดอย่าตก

วันที่ 15 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) แถลงว่า ผู้ติดเชื้อใหม่  จำนวน 30 ราย หายป่วยแล้ว  1,497 ราย ผู้ป่วยสะสม  2,643 ราย มีผู้ติดเชื้อกระจายตัวใน 68 จังหวัด เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวมเสียชีวิต 43 ราย โดยผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมนั้น โดยรายที่ 42 เป็นผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 65 ปี อาชีพ ขายอาหารที่ถนนคนเดิน มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ไตเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง วันที่ 7 มีนาคม มีอาการไข้สูง ไอ ซื้อยามารับประทานเอง ต่อมาวันที่ 12 มีนาคม อาการไม่ดีขึ้น จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่จ.เชียงใหม่ มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันที่เป็นสมาชิกในบ้าน

ต่อมาวันที่ 15 มีนาคม มีอาการหน้ามืด จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลเดิม และกลับมารักษาตัวที่บ้าน วันที่ 17 มีนาคม ได้รับส่งตรวจหาเชื้อและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐในวันที่ 18 มีนาคม ในวันนั้่นยังรู้สึกตัวดี แต่มีอาการเหนื่อย ผลการตรวจยืนยันเป็นผู้ป่วยโควิด 19 วันที่ 19 มีนาคม แพทย์ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยาระดับมาตรฐาน แต่วันที่ 22 มีนาคม ผู้ป่วยหายใจเหนื่อยหอบมากขึ้น ผลเอกซเรย์ปอดพบว่าอักเสบอย่างรุนแรง และหัวใจโตด้วย วันที่ 6 เมษายน ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ความดันโลหิตตก ได้รับยากกระตุ้นการทำงานของหัวใจแต่อาการไม่ดีขึ้น และเสียชีวิตในวันที่ 13 เมษายน

ส่วนรายที่ 43 เป็นผู้ป่วยชาวไทย อายุ 60 ปี มีประวัติเดินทางไปร่วมพิธีทางศาสนาอิสลามที่ประเทศอินโดนีเซีย เดินทางกลับไทยในวันที่ 24 มีนาคม จากนั้นวันที่ 2 เมษายน มีไข้สูง 38.4 องศา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.  พระนครศรีอยุธยา และได้รับการส่งตรวจเชื้อผลออกมายืนยันว่าติดเชื้อโควิด 19 อาการแย่ลงเรื่อยๆและเสียชีวิตในวันที่ 14 เมษายน

Advertisement

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 30 รายนั้น  พบว่า สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้  19 ราย  กลุ่มอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ แบ่งเป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ คือฝรั่งเศส  1 ราย ไปสถานที่ชุมนุม เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 2 ราย   อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 7 ราย  ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine 1 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถิติจังหวัดที่เข้ารับการรักษาผู้ป่วยยืนยันสะสมทั่วประเทศ  ราย 68 จังหวัด กรุงเทพ 1,328 ราย ภูเก็ต 190  ราย นนทบุรี 149  ราย สมุทรปราการ 108 ราย ยะลา 93 ราย แต่หากเปรียบเทียบอัตราป่วยต่อจำนวนประชากรแสนคน พบว่า ภูเก็ต สูงเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา กรุงเทพ ยะลา นนทบุรี และปัตตานีทั้งนี้  9 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรับการรักษา ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า แนวโน้มของต่างจังหวัดตัวเลขลดลง ขณะที่ส่วนกลางยังขึ้นๆลงๆ  ดังนั้นจึงยังไม่น่าไว้วางใจเท่าไรนัก ส่วนกลุ่ม State Quarantine สำหรับคนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ มีความเสี่ยงที่ต้องแยกกลุ่มดูแล ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องตรึงความเข้มแข็ง การ์ดอย่าตก ทำกันอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากไปกว่านี้ ถ้าเหลือตัวเลขเพียงเลขตัวเดียวก็จะเยี่ยมมาก

Advertisement

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า เมื่อวิเคราะห์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ตามแหล่งที่ติดเชื้อ กรุงเทพ นนทบุรี สมุทรปราการ พบว่า เดือนมีนาคม มาจากต่างประเทศเดือนมีนาคม 15% เดือนเมษายน 17 % เดือนมีนาคม ติดเชื้อนอกบ้าน 77 % เดือนเมษายนลดลง 60 % เดือนมีนาคม ติดเชื้อในบ้าน 8 % เดือนเมษายน 23 % เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ซึ่งอาจจะเกี่ยวโยงประกาศเคอร์ฟิว ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เดือนมีนาคมและเมษายน มีความแตกต่างชัดเจน แม้จำนวนเปอร์เซ็นต์จะเพิ่ม แต่ตัวเลขจำนวนคนติดเชื้อไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากเราควบคุมได้ หากอยู่ในบ้าน ขอให้ใส่หน้ากากในบ้านด้วย ห่างกัน 2 เมตร มีปฏิสัมพันธ์ได้ แต่ต้องไม่ใกล้ชิดกันมาก

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ของโลก พบว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อรวม  1,998,138 ราย เสียชีวิต  126,607 ราย โดยสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 613,886  ราย เสียชีวิต  549,019 รองลงมา  สเปน มีผู้ติดเชื้อ  174,060 ราย เสียชีวิต  88,301 ราย อิตาลี มีผู้ติดเชื้อ 162,488 ราย เสียชีวิต 104,291 ราย ส่วนไทย อยู่อันดับ  50 ติดเชื้อ  2,643 ราย เสียชีวิต 43 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ สิงคโปร์ มีการเปิดโรงแรมลอยน้ำกักแรงงานต่างชาติ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 โดยเป็นที่พักบนเรือที่ใช้สำหรับพนักงานในอุตสาหกรรมพลังงานนอกชายฝั่งและอุตสาหกรรมทางทะเล สามารถรองรับผู้เข้าพัก 200-300 คน ใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้ ขณะที่จีนมีการอนุมัติให้นำวัคซีน 2 ตัว สำหรับต้านไวรัส เข้าทดสอบระดับคลินิกกับคน ซึ่งความหวังของการจัดการหรือการควบคุมโรคคือวัคซีน ขณะที่ไทยก็อยู่ระหว่างพัฒนาวิจัยวัคซีนเช่นกัน ส่วนอินโดนีเซีย ทางประธานาธิบดีประกาศให้โควิด -19 เป็นภัยพิบัติแห่งชาติ สำหรับฝรั่งเศสนั้นทางประธานาธิบดีประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ประเทศออกไปอีก 4 สัปดาห์ จนถึง 11 พฤษภาคมนี้ ส่วนญี่ปุ่นทางผู้ว่าการกรุงโตเกียวยื่นคำขาดให้ประชาชนและร้านค้าให้อยู่บ้านและชัตดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image