หุ้นไทยลบ 20.25 จุด ย่อตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ บวกแรงขายทำกำไรกดดัน
วันที่ 15 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,256.35 จุด ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,257.39 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,236.10 จุด ปรับลดลง 20.25 จุดหรือ 1.61% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,261.66 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,233.66 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 69,418.86 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,466.55 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 1,321.67 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 3,331.97 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 3,187.09 ล้านบาท
โดยนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ( บล.) เคทีบี(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ดูมีแนวโน้มไม่สดใสมากนักออกมาตั้งแต่เช้า จนในภาคบ่ายจึงปิดในแดนลบ โดยตลาดหุ้นไทยจะอ้างอิงกับตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีหุ้นค่อนข้างจะเคลื่อนไหวคล้ายกัน ทำให้เมื่อตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง ตลาดหุ้นไทยจึงมีแรงขายทำกำไรออกมา และปรับลดลงตาม แม้สถานการณ์ในภาพรวมจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ยกเว้นสหรัฐได้ออกมาเปิดเผยว่า จะเริ่มเปิดให้หน่วยงานราชการกลับมาทำงานตามปกติแม้จะเป็นข่าวเชิงบวก แต่เมื่อดัชนีดาวน์โจนส์หิวเจอร์ปรับลดลง ตลาดหุ้นไทยจึงยืนบวกไม่ไหวเช่นกัน
“การที่นักลงทุนปรับเปลี่ยนกลุ่มหุ้นในการเล่น ทำให้มีแรงขายออกมา สาเหตุมาจากหุ้นหลายตัวปรับขึ้นได้ดีในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนจึงหาตัวเลือกใหม่ในการลงทุนกลุ่มหุ้นอื่นๆ บ้าง โดยมีแรงขายในหุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า และหุ้นกลุ่มธนาคารที่มีแรงขายออกมามาก หลังจากปรับขึ้นได้ดีในช่วงวันที่ผ่านมา โดยหุ้นที่มีแรงซื้อโดดเด่นขึ้นมาเป็นกลุ่มปิโตรเคมี แต่น้ำหนักโดยรวม แรงขายในหุ้นตัวใหญ่ๆ จึงยังกดให้ตลาดปรับตัวลง กลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือภาพรวมตลาดมองว่า ดัชนีจะยังเคลื่อนไหวผันผวนต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนน่าจะรอติดตามปัจจัยใหม่ๆ ที่จะเข้ามาสนับสนุนตลาดเพิ่มเติม โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม เป็นการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐ ราคาน้ำมัน และพัฒนาการของโควิด-19 ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง จึงแนะนำให้ติดตามข่าวสารรายวัน และทยอยลงทุน” นายมงคลกล่าว
